SGP เตรียมเข้าประมูลธุรกิจแก๊สในตปท.เพิ่ม,คาดปี 54 รายได้-กำไรโต 25%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 20, 2010 13:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางจินตนา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลล์(SGP)เปิดเผยว่า บริษัทยังมองหาซื้อกิจการธุรกิจค้าแก๊สในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยเฉพาะภูมิภาค ขณะนี้อยู่ระหว่างเข้าประมูลซื้อ 3-4 ราย เช่น ในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย รวมไปถึงศรีลังกา

หากผู้ประกอบการธุรกิจแก๊สประเทศเหล่านี้ต้องการขายกิจการ บริษัทก็พร้อมจะเข้าประมูลทั้งหมด เพราะธุรกิจแก๊สในต่างประเทศให้อัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)สูงกว่าในประเทศ ยกตัวอย่างเช่นธุรกิจแก๊สที่บริษัทเข้าซื้อกิจการที่ประเทศสิงคโปร์มีมาร์จิ้นราว 7% จากมาร์จิ้นเฉลี่ยของธุรกิจแก๊สในไทยอยู่ที่ 5%

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายภายใน 3-5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศขึ้นมาเป็น 50%จาก 10% ในปัจจุบัน โดยขณะนี้บริษัทได้เข้าไปขยายธุรกิจในเวียดนาม ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ไปแล้ว ส่วนการธุรกิจแก๊สในสิงคโปร์ คาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ ส.ค.53

สำหรับการเจรจาเข้าซื้อธุรกิจคลังสินค้าในประเทศจีน เป็นคลังสินค้าขนาดใหญ่ที่มีรองรับสินค้าได้เกิน 1 แสนตัน คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายในสิ้นเดือน ก.ย.รอแค่การโอนหุ้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเงินกู้จากสถาบันการเงินทั้งหมด

"หากได้มาจะดีมาก เพราะบริษัทจะสามารถซื้อก๊าซจากตะวันออกกลางมาพักไว้ในคลังสินค้า ก่อนจะกระจายไปยังตลาดอื่น ๆ รอบด้านที่รองรับได้"นางจินตนา กล่าว

นางจินตนา กล่าวว่า รายได้จากต่างประเทศที่เริ่มรับรู้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2/53 จะทำให้ไตรมาส 3-4/53 รายได้รวมของบริษัทจะสูงขึ้นกว่าครึ่งปีแรก โดยในเวียดนามคาดการณ์ยอดขายในช่วงแรก 2 พันตัน/เดือน สิ้นปีนี้เพิ่มเป็นประมาณ 6 พันตัน/เดือน ประกอบกับเป็นไปตามฤดูกาลธุรกิจแก๊สในประเทศ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

นอกจากนั้น ไตรมาส 2/53 กำไรปรับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะคู่ค้าเกิดปัญหาโรงงานผลิตแอมโมเนียรั่ว ทำให้บริษัทต้องสั่งนำเข้าแอมโมเนียจากต่างประเทศที่มีต้นทุนสูงมาใช้แทน จึงส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ แต่ในช่วงไตรมาส 3/53 จะกลับมาเป็นปกติ เพราะไม่ต้องมีภาระนำเข้าแล้ว

ในปี 54 คาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะเติบโตราว 25% เพราะมีรายได้จากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น ซึ่งในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.53 คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาแผนธุรกิจปี 54 ซึ่งคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 53 ที่รายได้จะเติบโต 15% มาที่ประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท และกำไรเติบโตในทิศทางเดียวกัน

นางจินตนา กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีหุ้นที่ซื้อคืนอีก 31 ล้านหุ้น ต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 8 บาทกว่า/หุ้น แม้ว่าขณะนี้ราคาปรับขึ้นไปมาอยู่ที่ 14.90 บาท/หุ้นแล้ว แต่ในอนาคตก็เชื่อว่าราคาจะไปได้อีก หากมีผู้สนใจและได้ราคาดี บริษัทก็จะขาย เพื่อนำเงินมาลงทุนก่อให้เกิดรายได้ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ