ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบต่อเนื่องจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายในตลาดที่เบาบาง อันเนื่องมาจากปัจจัยลบด้านความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 57.59 จุด หรือ 0.56 % ปิดที่ 10,213.62 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.94 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 1,071.69 จุด ส่วนดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.81 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 2,179.76 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากตลาดถูกปกคลุมด้วยกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 500,000 ราย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทในสหรัฐยังคงลดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังไม่มั่นใจต่อบรรยากาศการดำเนินธุรกิจในไตรมาสต่อไป ขณะที่อัตราว่างงานของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับ 9.5% และนักวิเคราะห์มองว่า ตลาดหุ้นจะดีดตัวได้แข็งแกร่งก็ต่อเมื่ออัตราว่างงานปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกหดตัวลงสู่ระดับ -7.7 จุดในเดือนส.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะดีดตัวขึ้น
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สหรัฐยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ๆ ออกมาเมื่อคืนนี้ ดังนั้น นักลงทุนยังคงใช้ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานออกมาเมื่อวันพฤหัสบดีเป็นปัจจัยชี้นำในการซื้อขายหุ้นก่อนถึงช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดัชนี Nasdaq ซึ่งเป็นดัชนีซื้อขายหุ้นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขานรับการรายงานตัวเลขผลกำไรของเดลล์ที่แข็งแกร่งเกินคาด จากอานิสงส์ของการใช้จ่ายด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอดขายสินค้าในกลุ่มคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ค่อนข้างซบเซาเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด รายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่สอดคล้องกับผลประกอบการเบื้องต้นที่ได้มีการเปิดเผยไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยบริษัททำกำไรเพิ่มขึ้น 6% และมียอดขายคอมพิวเตอร์พีซีที่ขยายตัวแข็งแกร่ง