นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากประเทศจีนเข้ามาเพิ่มขึ้น หลังการจัดตั้งบริษัทย่อย"Shanghai TICON Investment Management"เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในประเทศจีนในอนาคต พร้อมกันนั้นยังอยู่ระหว่างการศึกษาการขยายเข้าไปลงทุนในประเทศอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะประเทศใกล้เคียง
"การลงทุนประเทศจีนเราคงค่อยเป็นค่อยไป เพราะถือเป็นธุรกิจใหม่เลย แต่เราก็เชื่อว่าทำได้ เพียงแต่ในช่วงแรกเราคงต้องไปแบบเรียนรู้ก่อน อย่าพึ่งไปคิดว่าจะต้องสร้างรายได้ทันทีทันใด ต้องใช้เวลา ต้องหาลูกค้า กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างก็คงปี 54 ส่วนประเทศเวียดนามเราไปดูหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจเพราะค่าเงินเค้าผันผวน-ลดลง จึงทำให้เราต้องคิดดี ๆ"นายวีระพันธ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อนึ่ง TICON รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯว่าเมื่อวันที่ 19 ก.ค.53 ได้จัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศจีนคือ"Shanghai TICON Investment Management Co., Ltd.เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในประเทศจีน ด้วยทุนจดทะเบียน 2,000,000 ดอลลาร์ โดย TICON ถือหุ้น 100% บริษัทได้ชำระทุนในบริษัทย่อยครั้งแรก 400,000 ดอลลาร์ เมื่อ 16 ส.ค.53
ทั้งนี้ หลังจากบริษัทย่อยในประเทศจีนได้รับใบอนุญาตแล้วช่วงแรกก็จะดำเนินธุรกิจบริหารทรัพย์สิน เช่น คลังสินค้า โรงงาน อพาร์เม้นท์ เป็นต้น และในขั้นต่อไปก็มีแนวทางจะจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนและเสนอขายหน่วยลงทุน รูปแบบคล้าย TFUND โดยมี Shanghai TICON เป็นผู้บริหารกองทุน
ส่วนผลการดำเนินงานของ TICON ในครึ่งปีหลัง นายวีระพันธ์ เชื่อว่า รายได้การเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามลูกค้าหลักในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีโอกาสขยายกำลังการผลิตตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และโครงการอีโคคาร์ที่ค่ายรถต่างๆเตรียมเปิดตัวในปี 54-55
นอกจากนี้ ไตรมาส 4/53 บริษัทจะขายทรัพย์สินที่เป็นโรงงานจำนวน 30 แห่ง มูลค่ารวมประมาณ 1.8-1.9 พันล้านบาทให้กับกองทุน TFUND คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงเดือน ต.ค.นี้ และจะบันทึกรายได้เข้ามาในงบการเงินไตรมาส 4/53
และจากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าจะส่งผลต่อรายได้โดยรวมของบริษัทในปีนี้จะเติบโต 15-20% จากปีก่อนตามเป้าหมาย และกำไรเติบโต 20% จากปีก่อน โดยตอนนี้มีสัญญานว่าผลตอบแทนจาก TFUND ก็จะปรับสูงขึ้นด้วยเพราะจำนวนผู้เช่าโรงงานมีอัตราเพิ่มขึ้นเป็น 91% จาก 86% ในช่วงที่ผ่านมา