"การสร้างโรงงานใหม่ดังกล่าวเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยเน้นประสิทธิภาพ และการลดต้นทุน และให้ความสำคัญในด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม"นายอรฤดี กล่าว
นางอรฤดี กล่าวว่า การลงทุนดังกล่าวเป็นการย้ายโรงงานจากปัจจุบันที่รังสิต ไปที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ช่วยทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนการผลิต ซึ่งเปลี่ยนจาการใช้น้ำมันเตามาเป็นก๊าซธรรมชาติ และโดยคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับบริษัทได้ไม่ต่ำกว่า 12 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ และได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษกับกองทุนอนุรักษ์พลังงาน ส่งผลดีต่อกำไรของธุรกิจผงสังกะสีอ๊อกไซด์
การย้ายโรงงานไปทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาที่ 1.8 หมื่นตัน/ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 หมื่นตัน/ปี ทั้งนี้ คาดว่าหลังย้ายโรงงานธุรกิจสังกะสีอ๊อกไซด์จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1.8 หมื่นตัน จากปีนี้ที่ตั้งเป้ายอดขาย 1.5 หมื่นตัน ซึ่งเพิ่มจากปี 52 ที่มียอดขาย 1.4 หมื่นตัน และมีรายได้ 809.47 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมียอดขาย 6.89 พันตัน รายได้ 532.99 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 2.1 พันเหรียญ/ตัน
นางอรฤดี คาดว่าในครึ่งปีหลังรายได้จะต่ำกว่าครึ่งปีแรก เพราะไม่มีรายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์เข้ามา หลังจากครึ่งปีแรกปิดการขายโครงการ จึงจะมีรายได้จากธุรกิจผงสังกะสีอ๊อกไซด์เพียงอย่างเดียว
ในงวด 6 เดือนแรก UV มีรายได้รวม 1.7 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 106 ล้าบาท ทั้งปีนี้สัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 40% และธุรกิจสังกะสี 60% ส่วนปีหน้ารายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 60% จากการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการที่ห้วยขวางและจตุจักร ส่วนรายได้จากสังกะสีจะลดสัดส่วนเหลือ 40%
ด้านนายกรธวัช กิ่งเงิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย-ลาซาท จำกัด คาดว่า ยอดขายในครึ่งปีหลัง มีจำนวน 7-8 พันตัน ส่วนรายได้ขึ้นกับราคาสังกะสีในตลาดโลก(LME) โดยคาดว่าในครึ่งปีหลังราคาน่าจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นระหว่าง 2.1-2.2 พันเหรียญ/ตัน และในปี 53 บริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาด 50% ลดลงจากปีก่อนที่มีส่วนแบ่ง 54%
ทั้งนี้ มองแนวโน้มการเติบโตของผงสังกะสีอ๊อกไซด์เติบโตปีละ 10% ในปี 54 เติบโตเป็น 3.3 หมื่นตัน จากปีนี้ที่คาดว่ามียอดขาย 3 หมื่นตัน สูงจากปีก่อนที่ทำได้ 2.5 หมื่นตัน และปี 55 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 3.6 หมื่นตัน เนื่องจากอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์มีการเติบโตตามอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะรถอีโคคาร์ บริษัทมีลูกค่ากลุ่มนี้เป็นหลักประมาณ 70% นอกเหนือจากนั้น ได้แก่ ธุรกิจอาหารสัตว์ เซรามิค น้ำยางข้น สี เป็นต้น