ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากภาวะการซื้อขายได้รับผลกระทบอย่างหนักจากรายงานยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะพื้นฐานและน้ำมันดิบในตลาดโลก
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 78.89 จุด หรือ 1.51% ปิดที่ 5,155.95 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,109.88 - 5,234.84 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาและมีแรงขายส่งเข้ามาตลอดทั้งวัน หลังจากสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.ร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 27.2% จากเดือนมิ.ย. มาอยู่ที่ระดับ 3.83 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2548 หรือในรอบ 15 ปี และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 12% เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และจากการที่นโยบายลดหย่อนภาษีของรัฐบาลหมดอายุลงตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.ปีนี้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลด โดยหุ้นอันโตฟากัสตาซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ของชิลี ปิดร่วง 1.5% หลังจากทางบริษัทปรับลดเป้าหมายการผลิตปี 2553 แม้กำไรต่อหุ้นในช่วงครึ่งปีแรกพุ่งขึ้นเกือบสองเท่าก็ตาม ขณะที่หุ้นหุ้นริโอ ทินโต ปิดร่วง 4.3% หลังจากมีรายงานว่าริโอ ทินโต อาจร่วมมือกับบริษัทแห่งหนึ่งของจีนเพื่อยื่นข้อเสนอเทคโอเวอร์กิจการบริษัทโปแตช คอร์ป
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเช่นกัน โดยหุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ปิดร่วง 4.1% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อข่าวที่ว่าทางบริษัทสำรวจพบแหล่งก๊าซธรรมชาติในกรีนแลนด์ แทนที่จะเป็นแหล่งสำรองน้ำมัน ขณะที่หุ้นเวแดนตา รีซอร์สเซส ปิดร่วง 7.6%