มล.จันทรจฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA)คาดภายในเดือน ธ.ค.นี้จะได้ข้อสรุปการร่วมทุนในกิจการต่างประเทศ 1-2 ราย ซึ่งจะอยู่ภายใต้แผนขยายการลงทุน 3 กลุ่มธุรกิจ ขนส่ง-พลังงาน-โครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่คาดว่างวดปี 53(สิ้นสุด ก.ย.53)อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)น้อยกว่า 10% ต่ำกว่าเป้าหมาย 15% แต่กำไรจากการดำเนินงานจะออกมาใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีกว่า 900 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจเมอร์เมดขาดทุนฉุดภาพรวมธุรกิจ
ส่วนงวดปี 54 คาดค่าระวางเรือจะต่ำกว่างวดปี 53 เนื่องจากจำนวนเรือในตลาดโลกสูงกว่าความต้องการ แต่ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนเข้าซื้อเรือมือสอง แต่รอจังหวะราคาปรับลงกว่านี้ 10-20%
"TTA เป็น holding company เราจะขยายธุรกิจภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจ เรากำลังมองหาโครงการใหม่ เข้าซื้อกิจการในต่างประเทศ ในแถบอาเซียนเพื่อต่อยอดธุรกิจ ตอนนี้มีอยู่ 1-2 ดีลที่คาดว่าจะสรุปไม่เกิน 2-3 เดือนนี้ หรือภายในธันวาคมนี้ โดยเข้าไปลักษณะ joint venture" มล.จันทรจฑา กล่าว
ขณนี้บริษัทมีกระแสเงินสด 6.7 พันล้านบาทสำหรับรองรับการลงทุน และไม่คิดที่จะขยายธุรกิจไปนอกเหนือจาก 3 กลุ่มธุรกิจ โดยในงวดปี 54 บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนน้อยกว่าปี 53 ที่ตั้งงบลงทุน 6.2 พันล้านบาท บริษัทมีแผนกระจายสัดส่วนรายได้ของ 3 กลุ่มธุรกิจให้เท่าๆกัน หรือ ประมาณ 33% ภายในปี 56 เพื่อที่จะไม่ต้องอิงหรือให้น้ำหนักไปในธุกิจใดธุรกิจหนึ่ง
"target เราอยากได้ Net Profit Margin 15%ต่อปี เพราะธุรกิจเราต้องมีการลงทุนต่อเนื่อง จึงต้องมีเงินสดรองรับการลงทุนต่อเนื่อง" กรรมการผู้จัดำการ TTA กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจของ TTA มี 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่มขนส่ง ซึ่งมีธุรกิจเดินเรือสินค้าเทกองเป็นหลัก มีสัดส่วนรายได้ 50%(ในไตรมาส 3/53), กลุ่มพลังงาน คือ ธุรกิจของ บมจ.เมอร์เมด มาริไทม์(MMPLC)จดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์ มีสัดส่วนรายได้กว่า 20% และ กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS) บริษัท บาคองโก จำกัด ซึ่งผลิตปุ๋ย และ โลจิสติก โดยมีสัดส่วนรายได้ 25% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้อื่น เช่น รายได้จาการขายเรือ
มล.จันทรจุฑา กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายของบริษัทที่จะเพิ่มสินทรัพย์ให้เป็นเท่าตัวภายในปี 56 หรือประมาณ 8 หมื่นล้านบาทนั้น ขณะนี้เป็นไปได้ยาก เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย และหาซื้อกิจการบริษัทที่ดีได้ยากขึ้น จากก่อนหน้านี้เคยเพิ่มสินทรัพย์ได้ จาก 2 หมื่นล้านบาทในปี 48 เพิ่มเป็น 4 หมื่นล้านบาทในปี 51
"การเพิ่มสินทรัพย์เท่าตัวภายในปี 56 ตอนนี้ยังไม่ถึงเป้าหมาย ถ้าจะให้เป็นอย่างนั้นต้องควบกิจการหลายบริษัท ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ในการควบรวมกิจการใหญ่ต้องระวัง ฉะนั้นโอกาสจะทำให้ถึงเป้าหมายยังทำได้ยาก แต่เราจะกระจายรายได้ 1 ใน 3 ในแต่ละกลุ่มธุรกิจภายในปี 56"กรรมการผู้จัดการ TTA กล่าว
*กำไรงวดปี 53 ใกล้เคียงปีก่อน
มล.จันทรจุฑา คาดว่า กำไรจากผลการดำเนินงานในงวดปี 53 จะใกล้เคียงกับงวดปี 52 ที่มีกำไรกว่า 900 ล้านบาท และคาดว่างวดปี 53 อัตรากำไรสุทธิจะต่ำกว่า 10% เทียบกับปีก่อนที่มี 9% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15%ต่อปี
เนื่องจากว่า ในช่วง 9 เดือนแรก ผลประกอบการไม่ได้เป็นไปตามเป้า ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจเมอร์เมดต่ำกว่าแผนมาก โดยในไตรมาส 3/53 ขาดทุนจำนวนมาก เพราะวงการธุรกิจก๊าซและน้ำมันชะลอการว่าจ้างบริการเรือขุดเจาะน้ำมันและเรือวิศวกรรมใต้น้ำหลังเกิดอุบัตเหตุน้ำมันรั่วในชายฝั่งเม็กซิโกของบีพี ทำให้การเจรจาต้องล่าช้าไป เพราะลูกค้าต้องการให้บริษัทรับผิดชอบเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ทำให้การใช้เรือเพียง 50% ของเรือที่มีอยู่
ขณะที่ค่าใช้จ่ายคงที่ ได้แก่ ดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมที่จากการรับมอบเรือใหม่เพิ่ม ประกอบกับ ธุรกิจของ UMS ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด แต่ขณะนี้ได้มีออเดอร์จากอุตสาหกรรมโดยเฉพาะโรงผลิตปูนซิเมนต์
ส่วนในงวดไตรมาส 4/53 คาดว่ารายได้และกำไรจะต่ำกว่าไตรมาส 3/53 จากธุรกิจเดินเรือชะลอตัวลงจากความต้องการขนส่งสินค้าของจีนลดลง ทำให้ค่าระวางเรือต่ำลงจากไตรมาส 3/53 ที่มีค่าระวางเรือ ที่ 14,624 เหรียญ/วัน/ลำ และในช่วง 9 เดือนแรกของงวดปีนี้ ค่าระวางเรือเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2 หมื่นเหรียญ/วัน/ลำ
กรรมการผู้จัดการ TTA คาดว่าในงวดปี 54 ค่าระวางเรือต่ำกว่างวดปีนี้ เนื่องจากตลาดโลกมีจำนวนเรือมากกว่าความต้องการ โดยปัจจุบันมีจำนวนเรือมากกว่าความต้องการ 20-30% หรือมีเรือสินค้าเทกองจำนวน 7,700 ลำ และใน 3-4 ปีข้างหน้าจะมีเพิ่มอีก 3-4 พันลำ แต่ราคาตลาดเรือมือสองกลับไม่ลดลง ทำให้แผนการเข้าซื้อเรือต้องชะลอออกไปก่อน แต่หากราคาปรับตัวลงมา 10-20% น่าจะเป็นจังหวะเข้าซื้อ
นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมทำสัญญาปล่อยเช่าเรือระยะยาวให้มากที่สุด โดยจะทำให้เกินกว่า 40% ในงวดปี 53 โดยขณะนี้ได้ 21% แล้ว
สำหรับธุรกิจเมอร์เมด ในปีหน้าจะต้องทำการตลาดมากขึ้น เพื่อให้มีอัตราการใช้งานเพิ่ม แต่จะไม่มีการลงทุนเพิ่ม โดยปัจจุบันมีเรือวิศวกรรมใต้น้ำ 8 ลำ และ เรือขุดเจาะน้ำมัน 2 ลำ
ส่วน UMS คาดว่าปีหน้ารายได้จะเพิ่มขึ้น โดยในงวดครึ่งหลังปี 53 ดีกว่าครึ่งปีแรก รวมทั้งจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ถ่านเหินก้อนใหญ่ขึ้นขายในตลาด ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของบริษัท คาดว่าจะออกสู่ตลาดได้ภายในปลายปีนี้
ณ วันที่ 25 ส.ค. 53 กองเรือของ TTA มีจำนวนทั้งหมด 28 ลำ อายุเฉลี่ยอยู่ 16.33 ปี ระวางบรรทุกเฉลี่ย 28,817 เดทเวทตัน จาก สิ้นก.ย.52 ที่มีกองเรือทั้งหมด 36 ลำ อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 19.05 ปี ระวางบรรทุกเฉลี่ย 27,185 เดทเวทตัน โดยใน 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทขายเรือไปทั้งสิ้น 9 ลำ