บมจ.การบินไทย(THAI) เปิดเผยว่า บริษัทยืนยันการเจรจาขอซื้อหุ้นสายการบินนกแอร์ในส่วนที่ธนาคารกรุงไทย(KTB)ถืออยู่ในสัดส่วน 10% ที่ราคาหุ้นละ 13 บาท ขณะที่เห็นช่องทางการทำตลาดของสายการบินระดับกลาง
"เราได้ทำหนังสือเจ้งความประสงค์ว่าจะขอซื้อหุ้นนกแอร์ เมื่อ 22 เม.ย.53 ในราคาหุ้นละ 13 บาท ซึ่งเราได้ติดตามมาคลอดได้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางกรุงไทย ตอนนี้แผนซื้อหุ้นก็ยังยืนตามเดิม" นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI กล่าว
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า การบินไทยสนใจและเตรียมศึกษาตลาดสายการบินระดับกลาง จากที่ปัจจุบันการบินไทยเป็นสายการบินพรีเมียม และมีการจัดตั้งสายการบินไทย ไทยเกอร์ เป็นสายการบินต้นทุนต่ำมากรองรับลูกค้าระดับล่าง ที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง โดยสายการบินต้นทุนในตลาดโลกเติบโตสูงถึง 36% ซึ่งขณะนี้สายการบินนกแอร์นับเป็น budget airline
"บริษัทเห็นช่องว่างตลาดระดับกลางและเห็นว่า ทั้ง 3 ตลาดมีโอกาสทำกำไรให้ธุรกิจ"นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
สำหรับการปรับโครงสร้างการเงิน นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า จากการที่บริษัทต้องการเงินลงทุน 1.5 แสนล้านบาทในช่วง 5 ปี เมื่อพิจารณาฐานะการเงินที่ดีขึ้น ผลประกอบการดีขึ้นในปัจจุบันและอนาคต และการชำระหนี้เดิม พบว่าบริษัทยังต้องการเงินทุนเพิ่มอีก 5 หมื่นล้านบาท แม้ว่าจะสามารถทำการกู้เงินได้ แต่จะเป็นการสร้างภาระหนี้สินมากเกินไปในขณะที่ภาวะแวดล้อมของธุรกิจผันผวน ดังนั้นจึงได้เพิ่มทุนเสริมเข้ามาส่วนหนึ่ง
ด้านเงินกู้จะใช้วงเงินทั้งหมด 2.8 หมื่นล้านบาท โดยวันนี้ได้ลงนามกู้เงินกับธนาคารทหารไทย 2 พันล้านบาทและลงนามกู้เงินจาก ธนาคารทิสโก้ จำนวน 1.5 พันล้านบาท โดยก่อนหน้าได้กู้เงินระยะยาวจากธนาคารไทยพาณิชย์ วงเงิน 8,000 ล้านบาท และในวันพรุ่งนี่ การบินไทยจะเซ็นสัญญาเงินกู้จากธ.กรุงเทพจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท
ส่วนที่เหลือ 2.2 หมื่นล้านบาทจะมาจาก เงินเพิ่มทุน และการกู้เงินเพิ่มเติม และ/หรือการออกหุ้นกู้ โดยหุ้นกู้จะดำเนินการหลังทำการขายหุ้นเพิ่มทุนเสร็จแล้ว ซึ่งจะมีฐานการเงินแข็งแกร่งขึ้น คาดว่าเป็นจังหวะที่ดี
นายปิยสวัสดิ์ คาดว่าจำนวนหุ้นเพิ่มทุนไม่ถึง 1 พันล้านหุ้น ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ โดยครึ่งหนึ่งจะจัดสรรให้กับกระทรวงการคลัง และที่เหลือจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมและนักลงทุนทั่วไป ดังนั้นปริมาณที่ขายให้กับประชาชนทั่วไปจึงไม่มาก จึงคาดว่าความต้องการหรือการตอบรับจากประชาชนจะมีมากพอสมควร
ทั้งนี้ การโรดโชว์จะเริ่มในประเทศก่อนและจากนั้นไปต่างประเทศ และจะกำหนดจำนวนหุ้นเพิ่มทุนและสรุปราคาขาย จากการทำ book building
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 2 ก.ย. นายกรัฐมนตรีจะมาเยี่ยมการบินไทย ซึ่งจะเป็นโอกาสได้ขึ้แจงความเปลี่ยนแปลงการบินไทยจากที่ขาดทุนมาเป็นมีกำไรในปัจจุบัน และจะทำให้เกิดความเข้าใจสถานะของการบินไทย
"นายกฯจะมาเยี่ยมการบินไทยให้พวกเรามีโอกาสเล่าให้ท่านฟังว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เพราะมีการเข้าใจผิดกันเยอะ ...และในสัปดาห์ที่แล้ว เราได้ยื่น ก.ล.ต.ขายหุ้นเพิ่มทุน เพราะฉะนั้นก็เป็นโอกาสที่ดี เป็นจังหวะที่ดีที่จะมีการชี้แจงให้ประชาชนและผู้กำกับดูแลได้รับทราบด้วย"นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
ขณะที่แนวโน้มอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(cabin factor)ของ THAI ปรับตัวดีขึ้น โดยในเดือน ก.ค.-ส.ค.53 อยู่ที่ระดับ 76-77% สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นระดับน่าพอใจ โดยปกติเดือนก.ย.จะมียอดลดลงเล็กน้อยก่อนจะฟื้นในเดือน ต.ค.ส่วนต้นทุนน้ำมัน ขณะนี้บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน 69% ตามกรอบที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติไว้ 20-80%