นายวรพจน์ ฉัตรชัยกุลศิริ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการเงินและบัญชี บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี(SAT) คาดว่า รายได้ครึ่งปีหลังน่าจะมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นฤดูกาลและสัญญาณการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยรายได้ของบริษัทในครึ่งปีแรกเติบโต 60% จากงวดเดียวกันจของปีก่อน ขณะที่ทั้งปีตั้งเป้ารายได้โตมากว่า 45% ภายใต้ภาพรวมการผลิตรถยนต์ในปีนี้ที่ 1.6 ล้านคัน
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นไว้ที่ 21-22% ในปีนี้ ซึ่งในครึ่งปีแรกอยู่ที่ประมาณ 21% สูงกว่างวดเดีนวกันของปี 52 อยู่ที่ในระดับ 14% อย่างไรก็ตาม ราคาเหล็กบางชนิดมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นราว 5-10% ซึ่งอาจกระทบกำไรขั้นต้นบ้าง แต่บริษัทยังเชื่อว่าน่าจะบริหารควบคุมต้นทุนได้
นายวรพจน์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในอนาคตจะเติบโตในทิศทางเดียวกับภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ โดยคาดว่าในช่วงปี 54-57 รายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างน้อยปีละ 10% ขณะที่คาดว่าในปี 57 การผลิตรถยนต์ในประเทศจะเพิ่มเป็น 2.5 ล้านคัน รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจเอเชียที่ขยายตัวได้ดีจะสามารถรองรับการเติบโตอุตสาหกรรมรถยนต์ได้
การผลิตชิ้นส่วนให้กับรถยนต์ประเภทอีโคคาร์เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันยอดขายของบริษัท โดยในปีนี้ยอดขายชิ้นส่วนรถยนต์อีโคคาร์จะอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาทจากการผลิตให้กับนิสสันมาร์ช และในปี 54 รายได้จะเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท หลังจากมีออเอร์เพิ่มจากจ่ายฮอนค้า ส่วนในปี 55 ก็อาจจะมีออร์เดอร์จากมิตซูบิชิและซูซูกิ ซี่งจะทำให้ยอดขายเพิ่มเป็น 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 59 บริษัทคาดหวังว่าจะได้รับออร์เดอร์ผลิตชิ้นส่วนให้กับรถยนต์อีโคคาร์เพิ่มขึ้นเป็น 5 ค่ายรถยนต์ ซึ่งมีกำลังผลิตรวมทั้งหมด 5 แสนคันต่อปี คาดว่าจะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท/ปี และยังเชื่อว่ายอดขายจะเติบโตต่อเนื่องไปอีก
นายวรพจน์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการลงทุนตั้งโรงงานผลิตงานหล่อชิ้นส่วน เฟส 2 จะเริ่มผลิตได้ในเดือน ก.ค. 54 โดยมีกำลังการผลิตขั้นต้น 450 ตัน/เดือน และจะผลิตเต็มกำลังการผลิตเต็มที่ 2,500 ตัน/เดือนในเดือน ม.ค.55 โครงการดังกล่าวใช้งบลงทุน 1.2 พันล้านบาท ซึ่งในปีนี้ลงทุนไปแล้ว 800 ล้านบาท ส่วนที่เหลือลงทุนในปีหน้า
โรงหล่อใหม่ดังกล่าวจะรองรับออเดอร์ชิ้นส่วนรถอีโคคาร์ และการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ให้กับคูโบต้า คาดว่าทางคูโบต้าจะเพิ่มการผลิตเครื่องยนต์จำนวน 3-4 หมื่นคัน/ปี ทำให้บริษัทต้องเพิ่มสายการผลิตโรงหล่อเพิ่มรองรับการผลิตใหม่
นายวรพจน์ กล่าวว่า ในปลายเดือนก.ย.นี้ บริษัทจะได้รับเงินจากการเพิ่มทุน ไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนโรงหล่อ เฟส 2 ดังกล่าว นอกจากนี้บริษัทยังมีกระแสเงินสด โดยแต่ละปี EBITDA มี 1.3 พันล้านบาท/ปี
อนึ่ง คณะกรรมกรรบริษัทอนุมัติออกใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ จัดสารให้ผู้ถือหุ้นเดิม 25 ล้านหน่วย แปลงเป็นหุ้น 25 ล้านหุ้น และอีก 15 ล้านหุ้นขายให้นักลงทุนในวงจำกัด นายวรพจน์ กล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนสถาบันในประเทศสนใจซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทมากกว่า 7 ราย โดยทำการ book build สิ้นเดือน ส.ค. จึงจะรู้ราคาขายหุ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงของบริษัทมาจากวิกฤตเศรษฐกิจจากยุโรปและ สหรัฐ และการเมืองในประเทศ แต่ทั้ง 3 ปัจจัย บริษัทได้บริหารความเสี่ยงไว้แล้วระดับหนึ่ง