ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) ขานรับ เบน เบอร์นันเก้ ประธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยืนยันว่าคณะกรรมการเฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการฟื้นฟูหากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอ่อนแอ และรายงานการประเมินตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัว ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 164.84 จุด หรือ 1.65% ปิดที่ 10,150.65 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 17.37 จุด หรือ 1.66% ปิดที่ 1,064.59 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 34.94 จุด หรือ 1.65% ปิดที่ 2,153.63 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 6 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป้นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากเบอร์นันเก้ยืนยันว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) พร้อมที่จะใช้นโยบายผ่อนปรนด้านการเงินเพิ่มเติม รวมถึงการใช้มาตรการพิเศษ (unconventional measures) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนในตลาดสินเชื่อ หากคณะกรรมการเฟดพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดยมาตรการพิเศษของเฟดอาจครอบคลุมถึงการเปิดโครงการซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) ในปริมาณมาก โดยเฟดเคยนำมาตรการดังกล่าวมาใช้ในช่วงที่สหรัฐเผชิญวิกฤตการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพื่อเป็นช่องทางในการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดการเงินได้มากขึ้น
นอกจากนี้ เบอร์นันเก้ซึ่งกล่าวปาฐกถาในที่ประชุมประจำปีของเฟดซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ๊คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ตามเวลาประเทศไทยเมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) ยังได้แสดงความเชื่อมั่นว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะสูงขึ้นในปี 2554
แถลงการณ์ของเบอร์นันเก้มีขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประเมินตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ปี 2553 ว่า ขยายตัว 1.6% ซึ่งน้อยกว่าที่ประเมินไว้ครั้งก่อนว่าขยายตัว 2.4% และเป็นสถิติที่ขยายตัวรายไตรมาสที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม จีดีพีไตรมาส 2 ที่ผ่านการทบทวนครั้งล่าสุดนี้ ขยายตัวได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.4%
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐปรับลดการประเมินตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 มาจากยอดการนำเข้าสินค้าที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ภาคเอกชนปรับลดการลงทุนด้านสต็อกสินค้าลงอย่างหนัก โดยยอดการนำเข้าสินค้าในไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 32.4% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2527 และสูงกว่ายอดการส่งออกที่ขยับขึ้นเพียง 9.1%
นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกจับตาดูแถลงการณ์ของเบอร์นันเก้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเบอร์นันเก้จะส่งสัญญาณถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐหรือไม่ ขณะที่นักวิเคราะห์บางกลุ่มคาดว่า ความอ่อนแอของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงของสหรัฐ ซึ่งกำลังฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้ชะลอตัวลงนั้น อาจทำให้คณะกรรมการเฟดใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หุ้นอินเทล คอร์ป ปิดบวก 19 เซนต์ แตะที่ 18.37 ดอลลาร์ แม้บริษัทประลดคาดการณ์รายได้ในปีนี้ ขณะที่หุ้น 3PAR ปิดพุ่ง 6.43 ดอลลาร์ แตะที่ 32.46 ดอลลาร์ หลังจากฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี) ได้เพิ่มข้อเสนอซื้อกิจการบริษัท 3PAR Inc. ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลในสหรัฐ เป็นเงินสดมูลค่า 1.69 พันล้านดอลลาร์ หรือ 27 ดอลลาร์ต่อหุ้น เหนือกว่าข้อเสนอของบริษัทคู่แข่งอย่าง เดลล์ อิงค์ ที่ยื่นข้อเสนอด้วยราคา 24.30 ดอลลาร์ต่อหุ้น หรือ 1.52 พันล้านดอลลาร์