บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป(NMG)คาดว่าปี 53 ผลประกอบการของบริษัทมีโอกาสพลิกเป็นกำไรจากปีก่อนที่ขาดทุน เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรแล้ว 229 ล้านบาท และยังคาดว่าครึ่งปีหลังธุรกิจจะเติบโตได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และการใช้งบโฆษณายังคงมีเข้ามาสม่ำเสมอ โดยในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าเม็ดเงินโฆษณาจะเติบโตราว 10-15% จากครึ่งปีแรกที่เติบโต 17% ทำให้มั่นใจว่าทั้งปี 53 รายได้ของบริษัทจะเติบโตได้ 10-15% ตามเป้าหมาย
นายธนาชัย สันติชัยกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NMG กล่าวว่า ผลประกอบการในปีนี้น่าจะกลับมาเป็นบวก โดยสามารถพลิกมาเป็นกำไรได้ จากปีที่แล้วขาดทุนกว่า 50 ล้านบาท โดยครึ่งแรกของปีนี้บริษัทมีกำไรแล้ว 229 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจยังเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง และไม่มีปัญหาด้านการเมืองที่น่าวิตกกังวล จึงเชื่อว่าผลประกอบการก็น่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย
ส่วนในแง่รายได้ในปี 53 คาดว่าจะเติบโต 10-15% ตามภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว และการใช้เม็ดเงินโฆษณามีเข้ามาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อีกทั้งบริษัทได้เตรียมกิจกรรมค่อนข้างมากในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อกระตุ้นผลประกอบการ โดยเฉพาะเพื่อรองรับกับการเปิดให้ บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G ที่จะทำให้เกิดการแข่งขันในอุตสาหกรรมอย่างรุนแรง เนื่องจากคาดว่าผู้ประกอบการก็จะเพิ่มเม็ดเงินโฆษณามากขึ้น และจะมีคอนเท้นท์ออกมารองรับเพิ่มมากขึ้นด้วย
ขณะที่ธุรกิจหนังสือพิมพ์ ยังมีการลงโฆษณาต่อเนื่องตามเศรษฐกิจที่พลิกฟื้น โดยเฉพาะธุรกิจรถยนต์เติบโตสูงมาก ทำให้อุตสาหกรรมอื่น ๆ เติบโตไปด้วย ด้านธุรกิจนิวมีเดียเติบโตได้ดี โดยตัวเลขที่โตสูงมาจากฐานค่อนข้างต่ำ ละยังขยายช่องทางรายได้อีกมาก ซึ่งทั้งเนชั่นชาเนลและแมงโก้ทีวีก็คาดว่าจะเติบโตดี
นายธนาชัย คาดว่า เม็ดเงินโฆษณาในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโต 10-15% จากครึ่งปีแรกเติบโต 17% ซึ่งบริษัทก็เติบโตในทิศทางเดียวกัน
นายธนาชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการล้างขาดทุนสะสมในงบดี่ยวที่มีผลขาดทุนสะสม 800 ล้านบาท และงบรวม 600-700 ล้านบาทนั้น ยอมรับว่าในปีนี้คงยังไม่สามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมด แต่บริษัทก็กำลังพิจารณาแนวทางที่จะดำเนินการหลายวิธี เช่น การลดทุน การนำกำไรจากการดำเนินงานมาใช้
และต่อไปจะมีการนำ บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์(NINE)เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งบริษัทก็คาดว่าจะนำกำไรจากการขายหุ้นมาใช้ล้างขาดทุนสะสมได้ แต่ขณะนี้การนำ NINE เข้าตลาดหุ้นก็ยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อดีข้อเสีย ส่วนจะเข้าได้ทันในปีนี้หรือไม่ยังต้องประเมินสถานการณ์ภาวะตลาด และดูผลประกอบการก่อน เพราะในปีปี 52 ผลประกอบการไม่ค่อยดีนัก แต่ปี 53 น่าจะดีขึ้น