(เพิ่มเติม) SSI อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางกู้เงิน-เพิ่มทุน ซื้อโรงถลุงเหล็กเครือทาทาฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 30, 2010 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สหวิริยา สตีล(SSI) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างหารือกับบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินในการหาแหล่งเงินทั้งในและต่างประเทศเพื่อใช้ในการเข้าซื้อสินทรัพย์โรงงานถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ของ Corus UK Limited (Corus) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Tata Steel Group คาดว่าจะใช้เม็ดเงิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการเพิ่มทุนก็เป็นทางเลือกหนึ่ง เช่นเดียวกับการกู้เงินจากสถาบันการเงิน

"ตอนนี้เราดูอยู่หลายรูปแบบและหลายแนวทาง และอาจใช้หลายแหล่งผสมกันเพราะเม็ดเงินที่ใช้มันสูง ยังไงก็ต้องจัดสรรแหล่งเงินทุน การซื้อธุรกิจที่มีอยู่แล้วจะทำให้เราเติบโตได้เร็วกว่าการลงทุนใหม่ และความเสี่ยงก็น้อยกว่าเยอะ ส่วนการลงทุนในไทยยังไม่มีแผนลงทุน การที่บริษัทจะทำโรงถลุงเองก็ยังรอความชัดเจนจากรัฐบาลและคนให้การสนับสนุน" นายวิน วิริยะประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SSI กล่าวในการแถลงข่าว

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงภายในปีนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความร่วมมือของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียหลายกลุ่ม หากสำเร็จ SSI จะกลายเป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นครบวงจรหลายใหญ่ที่สุดในอาเซียนทั้งยอดขายและวอลุ่ม และยังเป็นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทเพราะมาร์จิ้นจากส่วนต่างวัตถุดิบจนถึงสินค้าสำเร็จรูปก็จะมีมากขึ้น ดังนั้น โอกาสในการสร้างผลกำไรก็จะมีมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะภายใต้ราคาเหล็กที่ผันผวน รายได้ก็จะเพิ่มเข้ามาด้วย

นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทสามารถผลิตเหล็กที่หลากหลายขึ้น ทั้งการผลิตเหล็กแท่งแบน(SLAB)เพื่อใช้เองและเพื่อขาย และยังสามารถผลิตเหล็กที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมปิโตเคมีและพลังงาน ทำให้บริษัทสามารถผลิตเหล็กป้อนให้กับภาคอุตสาหกรรมหลากหลายมากขึ้น เป็นการเข้าสู่ธุรกิจใหม่และมีลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นด้วย

"หากดีลนี้สำเร็จจะทำให้บริษัทเป็นผู้ผลิตเหล็กครบวงจรรายใหญ่ในอาเซียนทั้งในแง่ยอดขายและวอลุ่ม คาดว่าจะปิดดีลได้ภายในปีนี้"นายวิน กล่าว

สำหรับสถานการณ์ราคาเหล็กในครึ่งปีหลัง นายวิน มองว่าราคาเหล็กผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน ก.ค หลังจากที่ตลาดได้ปรับตัวลดลง จากผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรป และปัญหาจากประเทศจีนที่มีนโยบายควบคุมฟองสบู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงราคาเหล็กปรับลดลงในช่วงปลายไตรมาส 2/53

แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาเหล็กรวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เริ่มนิ่งมากขึ้นและน่าจะกลับมาเป็นขาขึ้น โดยมองว่าจากนี้ ไปจนถึงปลายปีราคาเหล็กมีโอกาสปรับขึ้นเล็กน้อยประมาณ 5-10% สำหรับเหล็กรีดร้อนจากราคาปัจจุบัน 700 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากก่อนหน้านี้ที่มีราคา 650 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ขณะที่รายได้ปีนี้ยังคงเป้าที่ 5 หมื่นล้านบาทหรือเติบโต 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.3หมื่นล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าการขายที่ 2.7 ล้านตันในปีนี้ จากปีก่อนที่มีปริมาณขายที่ 1.8 ล้านตัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ