บมจ.สยามแมคโคร (MAKRO) คาดว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่เติบโตในระดับ 15% โดยในวันที่ 29 ก.ย.นี้บริษัทจะเปิดสาขาแห่งใหม่ที่ จ.หนองคาย ซึ่งจะทำให้จำนวนสาขาใหม่ในปีนี้เพิ่มเป็น 4 สาขา หลังจากเปิดไปแล้ว 3 สาขาในช่วงครึ่งปีแรก ใช้เงินลงทุนสาขาละประมาณ 400 ล้านบาท
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAKRO กล่าวว่า ยอดขายครึ่งปีหลังจะเติบโตในทิศทางเดียวกับครึ่งปีแรก ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งนี้ มองว่ายอดขายจะเติบโตทั้งในส่วนของร้านเดิมและร้านใหม่
"ครึ่งปีหลังถ้าทุกอย่างไม่มีอะไร การเมืองนิ่ง ก็คงจะไปได้อยู่ และน่าจะเติบโตใกล้เคียงกับ 8 เดือนแรก ต้นปีเราเริ่มดีสะดุดไปบ้างช่วง เม.ย.-พ.ค.แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังก็น่าจะดีขึ้น อย่างพวกโรงแรมพวกลูกค้าก็กลับมาแล้ว และช่วงเดือนต.ค.ก็เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว เท่าที่ดูก็ไม่น่ากังวลมาก"นางสุชาดา กล่าว
ทั้งนี้ สาขาใหม่ใน จ.หนองคาย มีขนาดพื้นที่ 7 พันตารางเมตร ก่อนหน้านี้บริษัทเปิดสาขาไปแล้ว 3 สาขา คือ กำแพงเพชร กาญจนบุรี และ ลพบุรี โดยบริษัทตั้งงบประมาณลงทุนไว้ที่ 1.5-1.6 พันล้านบาท ส่วนการเปิดสาขาใหม่ในปีหน้ายังอยู่ระหว่างการพิจารณาเตรียมการ โดยกำลังศึกษาในหลายพื้นที่
"การที่จะเปิดสาขาใหม่มีขั้นตอนเยอะ ขณะนี้ที่ที่เรามองอยู่ก็ยังไม่ได้รับใบอนุญาต แต่เราก็คิดว่าจะเปิดได้ทั้ง 76 จังหวัด ขณะนี้เราก็พร้อมอยู่แล้ว"นางสุชาดา กล่าว
MAKRO จะจัดงานตลาดนัดโชห่วยครั้งที่ 3 ที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพคเมืองทองธานี ระหว่างในวันที่ 16-19 ก.ย.วัตถุประสงค์เพื่อแนะแนวทางให้คนรุ่นใหม่เห็นความสำคัญของร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม เพื่อพัฒนาร้านค้าปลีกของไทยให้เติบโต รวมทั้ง แนะแนวทางการสร้างรายได้เสริมให้กับร้านค้าปลีก และเปิดโอกาสให้เจ้าของกิจการและผู้ผลิตสินค้าได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการดำเนินธุรกิจร่วมกันกำหนดทิศทางขึ้นโชห่วยไทยในอนาคต
"การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นการปลุกกระแสโชห่วยให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจ เพื่อจะได้เป็นการสืบทอดกิจการของทางบ้าน ซึ่งก็มองว่าคนรุ่นใหม่น่าจะสนใจ เพราะปัจจุบันคนอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็คิดว่างานนี้น่าจะประสบความสำเร็จ"นายสุชาดา กล่าว
สำหรับการจัดงานครั้งนี้จะมีการขยายเวลาจากปีก่อน 3 วันเป็น 4 วัน และขยายพื้นที่เป็น 8 พันตารางเมตร จาก 5 พันตารางเมตร พร้อมตั้งเป้าว่าจะมีร้านโชห่วย ร้านค้าปลีกรายย่อย และผู้สนใจเข้าร่วมงานครั้งนี้ ไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นราย