โบรกฯแนะ"ซื้อ"KTB รับผลดีปล่อยกู้ภาครัฐ-GDPโตมาก,จับมือ CPทำแบงก์ในจีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 31, 2010 15:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ ต่างเห็นพ้องแนะนำ"ซื้อ"หุ้นธนาคารกรุงไทย(KTB)รับอานิสงส์โครงการภาครัฐทั้งการลงทุนโครงการใหญ่และการกระตุ้นโครงการของภาครัฐยังมีต่อเนื่องจนถึงปีหน้า โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังนี้จะมีการเร่งเบิกจ่าย รวมทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยดีกว่าคาดโดยประมิน โดอย่างน้อย 7% ส่งผลให้เอกชนเขามาขอสินเชื่อขยายตัวเพิ่มขึ้น

สำหรับการเข้าไปลงทุนกับเจียไต๋ในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในประเทศจีนนั้น KTB ลงทุนไป 50% บางโบรกเกอร์ยังไม่ได้ให้น้ำหนักเรื่องนี้มากนัก แต่บางแห่งเห็นว่าเป็นข่าวบวก ซึ่งแม้อาจจะแค่ปล่อยกู้ให้กลุ่มเจียใต๋ ก็ไม่ได้มีผลกระทบร้ายแรง

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ       ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.กสิกรไทย          ซื้อ             17.00
          บล.เคจีไอ            ซื้อ             15.90
          บล.โกลเบล็ก          ซื้อ             15.70
          บล.กรุงศรีอยุธยา       ซื้อ             15.60
          บล.กิมเอ็ง            ซื้อ             15.20

นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ประเด็นหลักของการเข้าลงใน KTB มาจกกธนาคารจะมีการขยายสินเชื่อจากโครงการภาครัฐ และการยายตัวเศรษฐกิจหรือ GDP ปีนี้เติบโตดีกว่าที่คาดไว้ อย่างต่ำโต 7% ในปีนี้ ทำให้โครงการขนาดใหญ่ของภาคเอกชนก็จะเกิดขึ้นด้วย อีกทั้งครึ่งปีหลังก็จะมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอีก

ทั้งปีคาดว่าสินเชื่อ KTB จะเติบโต 10% จากครึ่งปีแรกเติบโต 8% แต่ในเครึ่งปีหลังคาดว่าจะชะลอตัวลงบ้าง เพราะมีการจ่ายหนี้คืนบ้างส่วน

"ประเด็นการลงทุนอยู่ที่สินเชื่อโครงการภาครัฐ...ตรงนี้น่าจะเห็นเป็นรูปธรรมต่อผลประกอบการของธนาคารมากกว่าสำหรับในครึ่งปีหลังและปีหน้า ลักษณะ KTB เอื้อกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ มีงบประมาณลงทุนไปเรื่อยๆ สินเชื่อภาครัฐก็จะโต ทำให้ KTB เติบโตโดดเด่น"นายธนัท กล่าว

ส่วนการเข้าลงทุนในจีนคงเป็นแผนระยะยาว ยังไม่ได้ให้น้ำหนักอะไรมาก เพราะมองว่าการเข้าไปทำธุรกิจธนาคารในจีนไม่ง่ายและมีการแข่งขันสูง เพราะมีธนาคารขนาดใหญ่ของจีนอยู่แล้ว ส่วน KTB ถ้าเข้าไปก็อาจแค่ปล่อยกู้ให้เจียไต๋ ซึ่งจุดนี้เชิงธุรกิจยังไมส่งผลอะไรมากมาย และคิดว่าคงต้องใช้เวลา

ทั้งนี้ KTB ประกาศร่วมทุนกับกลุ่ม CP ทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ โดย KTB จะเข้าถือหุ้น 50% หลังจากที่ทางการจีนอนุญาตให้กลุ่มซีพีสามารถทำธุรกิจธนาคารได้ โดยจะจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ เพื่อให้บริการด้านการเงินแก่กลุ่มลูกค้าของเจียไต๋ในจีนเป็นหลัก

ประเมินมูลค่าพื้นฐานหุ้น KTB สำหรับปี 54 ที่ 15.60 บาท จากปี 53 ราคาพื้นฐาน 13.00 บาท

นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ กล่าวว่า มองการลงทุนในจีนกับ CP เท่าที่สอบถาม เป็นแค่การลงทุนเงินลงทุนหลักพันล้านบาท มองว่ามีแนวโน้มเติบโต โดบรวมรายได้กลับมาเป็นเงินปันผล ถ้ามองในแง่บวกคงจะดี เพราะที่จีนโอกาสการขยายตัวเศรษฐกิจโตต่อเนื่องเพียงชะลอไปบ้าง แต่กลุ่มธุรกิจ CP ในจีนยังไปได้ โดยมองว่าเพียงแค่ปล่อยกู้ให้กลุ่ม CP ลงทุนในจีน ก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อย

ที่ผ่านมา KTB สามารถปล่อยกู้ให้กับโครงการภาครัฐ ไตรมาสละ 3-4 หมื่นล้านบาท และประเมินว่ายังมีงบลงทุนอีกประมาณ 2 แสนล้านบาท ทั้งงบไทยเข้มแข็ง และงบประมาณเดิม ซึ่งจะทยอยเบิกให้หมดภายในปีนี้ นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น การปล่อยกู้ให้กับพนักงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจก็ดีขึ้น การผิดนัดชำระค่อนข้างต่ำ โดยจะมีทั้งสินเชื่ออุปโภคบริโภค และสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึง สินเชื่อบ้านด้วย

ขณะนี้ราคาพื้นฐานหุ้น KTB อยู่ที่ 14.60 บาท แต่กำลังจะปรับขึ้นเป็น 15.90 บาทสำหรับปี 54

ส่วนบทวิเคราะห์ของ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองว่า KTB มีความน่าสนใจในแง่ของความถูกมากยิ่งขึ้น และคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/53 น่าจะเห็นการเติบโตของกำไรสุทธิ yoy และ qoq โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม หากไม่มีการตั้งสำรองพิเศษเข้ามา เพราะเป็นไตรมาสที่ KTB จะรับรู้เงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ ตามมาด้วยยอดสินเชื่อที่คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น จากการเร่งการใช้จ่ายของภาครัฐ ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง 2 รวมถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ย RP1 วันถึง 2 ครั้งใน ไตรมาส 3/ช่วยให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(NIM)ของ KTB จะทรงตัวในเกณฑ์ที่ดีต่อไป

ด้านบล.โกลเบล็ก มองว่า KTB เป็นธนาคารภาครัฐจึงได้รับอานิสงส์จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ กำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 6,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%YoY คิดเป็น 44% ของประมาณการทั้งปีที่ 1.47 หมื่นล้านบาท ซึ่งเติบโต 22%YoY เราคาดแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อจะโตต่อเนื่องในครึ่งหลังปี 53 จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณตามโครงการไทยเข้มแข็งและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหนุนความต้องการสินเชื่อของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ