(เพิ่มเติม) STA เลื่อนขายหุ้นตลาดสิงคโปร์ไม่กระทบแผนลงทุน,คาดปีนี้ยอดขายโต 10-15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 1, 2010 16:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ศรีตรังแอโกร อินดัสทรี(STA) เผยการที่บริษัทตัดสินใจเลื่อนแผนเข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์ไม่ส่งผลกระทบต่อแผนลงทุน เพราะบริษัทมีสถานะการเงินแข็งแกร่งและมีวงเงินกู้จากสภาบันการเงินเพียงพอต่อการลงทุน ดังนั้น บริษัทจึงอยากขอรอดูจังหวะที่เหมาะสมก่อน เพราะนักลงทุนยังกังวลเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้ภาวะตลาดทุนผันผวน และยอมรับว่าไม่มั่นใจปีนี้จะเข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์ได้หรือไม่

"ยังกำหนดเวลา(ขายอีกครั้ง)ยังไม่ได้ เราจะขอรอดูจังหวะของตลาด โดยเฉพาะความกังวลที่ตลาดอเมริกามีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน เราจึงต้องชะลอออกไปก่อน"นายกิติชัย สินเจริญกุล กรรมการ STA กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้กำหนดช่วงราคาขายหุ้น 0.79-0.90 ดอลลาร์สิงคโปร์ โดยจะกำหนดราคาขายในวันที่ 1 ก.ย.และจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในวันที่ 9 ก.ย. แต่วานนี้บริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ว่าจะเลื่อนการขายหุ้นออกไป

นายกิติชัย กล่าวว่า ขณะนี้ STA ยังไม่ได้ทำการขายหุ้น ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ให้ขยายเวลาการขายและเข้าเทรดได้เป็นเวลา 3 เดือน โดยสามารถขอขยายเวลาได้ครั้งละ 3 เดือน และราคาขาย ถ้าเลื่อนไปต้องไปประเมินใหม่ตามสถานการณ์ข้างหน้า

แม้ว่าจะยังไม่สามารถระดมทุนที่คาดไว้ 200 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในขณะนี้ แต่ไม่ได้เป็นปัญหากับบริษัท เพราะเป้าหมายหลักในการเข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์เพื่อต้องการ STA เป็นที่รู้จักของนักลงทุนกว้างขวางมากขึ้น ส่วนการระดมทุนเป็นเป้าหมายรอง

นายกิติชัย กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทมั่นใจว่า ยอดขายจะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 10-15% จากปีก่อน โดยครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยทั้งปีคาดไว้ที่ 6-8% และในปี 54 คาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่อง หรือเติบโต 10-15% ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์

สำหรับในครึ่งปีหลัง แนวโน้มราคายางในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง โดยปัจจุบันราคายางแท่ง อยู่ในช่วง 2,800-3,300 เหรียญสหรัฐ/ตัน

"สถานการณ์ยางในครึ่งปีหลังยังไม่มีแนวโน้มเป็นไปในทางลบแต่อย่างใด ตามความต้องการยางธรรมชาติ ในตลาดโลกก็ยังอยู่ในระดับที่ดี ขณะเดียวกันทางด้านผลผลิตอยู่ในระดับตึงตัวเล็กน้อย มาจากภาวะแล้งมาก หรือฝนตกมากเกินไป ดังนั้นราคายางยังอยู่ในระดับที่สูง แสดงว่ายังมีความต้องการอยู่ โดยอยู่ระดับ 3 พันเหรียญ/ตันทั้งยางแท่งและยางแผ่นรมควัน"กรรมการ STA กล่าว

ส่วนการแข็งค่าของเงินบาทในขณะนี้ ไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัท เพราะได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ทั้ง 100% โดยบริษัทมีสัดส่วนส่งออก 80% และที่เหลือขายในประเทศ

ทั้งนี้ ในปี 53 บริษัทขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 15-20% ของกำลังการผลิตรวม 7.5 แสนตัน/ปี (ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน และน้ำยางข้น) เงินลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท ขณะที่มีแผนลงทุนการขยายกำลังการผลิตในปีหน้าอีก 15-20% ลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท เป็นการลงทุนขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องมา 4 ปีแล้ว

นอกจากนั้น บริษัทมีแผนปลูกยางพาราช่วง 3 ปีข้างหน้า ปีละประมาณ 1 หมื่นไร่ รวมเป็นประมาณ 3 หมื่นไร่ในปี 56 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน จากปัจจุบันมีสวนยางประมาณ 1 พันไร่ทางภาคใต้ โดยไม่ได้ใช้เงินลงทุนมาก แต่ต้องการให้ธุรกิจครบวงจร แต่มองว่าผลผลิตยางที่ปลูกเองไม่ได้มีนัยสำคัญ เพราะพื้นที่ปลูกยางในไทยมีทั้งหมด 16 ล้านไร่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ