น.ส.ณัฐรินทร์ ตาลทอง ประธานกรรมการบริหาร บล.กสิกรไทย กล่าววา บริษัทได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์(มาร์จิ้นโลน) เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านบาท หลังจากที่ภาวะตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นและมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงขึ้น จากเดิมที่คณะกรรมการมีมติให้มีการปล่อยมาร์จิ้นเมื่อช่วงต้นปี 900 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทเน้นการปล่อยมาร์จิ้นในกลุ่มลูกค้าชั้นดีและหุ้นในกลุ่ม 100 อันดับแรก โดยมีการดูแลการปล่อยสินเชื่อเป็นอย่างดีและยังไม่พบว่าปัญหาในการผิดนัดชำระหนี้แต่อย่างใด เนื่องจากหุ้นที่บริษัทจะปล่อยมาร์จิ้นต้องเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี สภาพคล่องดี และผลประกอบการดี ไม่ติดลบ
บริษัทคิดอัตราดอกเบี้ยมาร์จิ้นโลนที่ 4.50-4.75% ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม ซึ่งจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นน่าจะมีการปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นได้อีก
น.ส.ณัฐรินทร์ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจหลักทรัพย์ที่ระดัย 4% โดยปัจจุบันอยู่ที่ 3.5-3.6% แล้ว เชื่อว่าเวลาที่เหลือของปีจะเพิ่มส่วนแบ่งได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยขึ้นจากอันดับ 17 มาอยู่อันดับที่ 10 ถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจและรายได้ของบริษัทยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งรายได้จากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และที่ปรึกษาทางการเงิน
แม้จะยอมรับว่าการเป้าหมายเพิ่มจำนวนบัญชีลูกค้าที่ 6,200 บัญชี ขณะนี้ยังทำไม่ได้ตามเป้า แต่บริษัทเตรียมจะออกแคมเปญและเปิดสาขาบริษัทหลักทรัพย์ในธนาคารกสิกรไทย จำนวน 21 แห่ง และเชื่อว่าจะผลักดันให้จำนวนบัญชีเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าในที่สุด