นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี(AIT)คาดว่ารายได้ทั้งปีนี้น่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 4 พันล้านบาท มากกว่าปีก่อนมีรายได้ 3.7 พันล้านบาท แม้ว่าครึ่งปีแรกทำรายได้แค่ 1.7 พันล้านบาท แต่ครึ่งปีหลังบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้แล้ว 2 พันล้านบาท และยังมีงานระบบบิลลิ่งของ บมจ.ทีโอที อีก 770 ล้านบาทที่คาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้
และ ในส่วนของกำไรปีนี้ก็คาดว่าจะดีขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไร 310 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิแล้ว 186 ล้านบาท เป็นผลจากอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากบริษัทมีการตั้งสำรองหนี้สูญเต็มที่ทั้งหมดไปแล้วตั้งแต่ปีก่อน หากปีนี้สามารถเรียกเก็บเงินได้ก็จะบันทึกกลับมาเป็นกำไร ขณะที่ต้นทุนการบริหารจัดการปรับตัวดีขึ้น ทำให้ปีนี้บริษัทโฟกัสที่ผลกำไรมากขึ้น
ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นช่วงครึ่งแรกปีนี้ขยับขึ้นมาที่ 23% แล้ว และทั้งปีก็คาดว่าจะไม่ลดลงจากระดับดังกล่าว ซึ่งสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 22% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 10% สูงกว่างวดเดียวกันปีก่อนที่อยู่ในระดับ 8% และทั้งปี 53 บริษัทจะพยายามรักษาไว้ที่ 10% ก็พอใจแล้ว
"ในปีนี้ทั้งรายได้และกำไรก็จะทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา"นายศิริพงษ์ กล่าว
นายศิริพงษ์ กล่าวว่า ณ สิ้นไตรมาส 2/53 บริษัทมีงานในมือ(backlog)กว่า 3 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังจะรับรู้รายได้ประมาณ 2 พันล้านบาท ที่เหลือทยอยรับรู้ในปีถัดไป
ขณะที่บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานเกี่ยวกับระบบโทรคมนาคม 3G ทั้งของทีโอทีและงานของ บมจ.กสท.โทรคมนาคม ประมาณ 1.5-2.0 พันล้านบาท โดยส่วนแรกจะเป็นการติดตั้งระบบ 3G ของทีโอที และงานขยายบริการของ กสท.และ ทีโอที ซึ่งบางส่วนอาจจะรับรู้รายได้ในปีหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสในการเข้าประมูลระบบโทรคมนาคมระบบไฟเบอร์ออฟติกมูลค่า 4-5 พันล้านบาท คาดว่าจะเข้าประมูลไตรมาส 4/53
สำหรับสัดส่วนงานที่บริษัทจะเข้าประมูลเป็นงานราชการกว่า 90% ที่เหลือเอกชน ซึ่งหากบริษัทประมูลงานใหม่ได้เพิ่มขึ้น ในส่วนของเงินลงทุนไม่น่าจะมีปัญหา เพราะสามารถขอเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ในลักษณะโปรเจ็คต์ไฟแนนซ์ได้ เนื่องจากสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ของบริษัทในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 1 เท่ากว่าๆ ถือว่ายังต่ำ
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทข้ามชาติ 2-3 บริษัท เพื่อให้เราเป็นตัวแทนจำหน่ายระบบโทรคมนาคม โดยคาดว่าอีก 2-3 เดือนน่าจะได้ข้อสรุป จากปัจจุบันบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เครือข่ายให้กับซิสโก้แล้ว
นายศิริพงษ์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามปกติที่จ่ายปีละ 2 ครั้ง โดยครึ่งแรกปีนี้จ่าย 1.50 บาท/หุ้น สูงกว่างวดเดียวกันปีก่อนที่จ่าย 1.25 บาทต่อหุ้น เป็นไปตามผลกำไรที่สูงขึ้น
ส่วนงวดครึ่งปีหลังจะจ่ายมากกว่างวดเดียวกันปีก่อนหรือไม่นั้น นายศิริพงษ์ กล่าวว่า ถ้าผลประกอบการดีกว่าปีก่อนก็น่าจะมีโอกาสเป็นเช่นนั้นได้ หากไม่กระทบกระเทือนสภาพคล่องบริษัท ซึ่งถ้ากำไรออกมาสูงกว่าปีก่อนจริงก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้
"AIT เป็นบริษัทที่จ่ายปันผลดีมาตลอด ระหว่างกาลก็จ่ายดีขึ้น ถ้าไม่ต้องลงทุนใหม่และไม่กระทบกระเทือนกับ cash flow ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไม่จ่ายปันผล ปัจจุบันบริษัทมีกำไรสะสม 400-500 ล้านบาท" นายศิริพงษ์ กล่าว