นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย(THAI)เปิดเผยว่า บริษัทจะออกหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มระดมเงินทุนจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยได้เริ่มทำการโรดโชว์เพื่อชี้แจงข้อมูลกับผู้ลงทุนเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา และในสัปดาห์หน้าจะออกไปโรดโชว์ที่ต่างประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ และ ลอนดอน ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความสามารถในการลงทุนและการขยายธุรกิจ
"เงินกู้ระยะยาวเราได้ทำไปเรียบร้อยแล้ว โดยกู้มา 2.8 หมื่นล้านบาท ได้อัตราดอกเบี้ยที่ดีมากถึงขนาดว่าเอาไปทำกำไรได้"นายปิยสวัสดิ์ กล่าวระหว่างการนำเสนอรายงานภาพรวมของธุรกิจต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในโอกาสเดินทางตรวจเยี่ยมการบินไทยวันนี้
ส่วนการออกหุ้นกู้ ขณะนี้เห็นว่า อัตราผลตอบแทน(yield) ดีมาก แต่ยังไม่ระบุจะออกหุ้นกู้เมื่อไร ทั้งนี้เพื่อใช้เสริมสภาพคล่องต่อไป
ทั้งนี้ การบินไทยยังจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนเครื่องบินใหม่ ซึ่งจะเพิ่มรองรับการแข่งขันและช่วยลดต้นทุนซึ่งเครื่องบินช่วยประหยัดน้ำมันไปได้ประมาณ 20% โดยปัจจุบันฝูงบินมีจำนวน86 ลำ อายุเฉลี่ย 17.7 ปี ซึ่งการแข่งขันต่ำกว่าสิงคโปร์แอร์ไลน์ที่มีอายุเครื่องบินเฉลี่ย 6 ปี โดยปลายปีนี้จะมีการนำเสนอครม.ในการจัดหาเครื่องบินเพิ่ม เมื่อได้ข้อสรุปที่มองการจัดหาเครื่องบิน ได้แก่ แอร์บัส A350 และ โบอิ้ง B787 รวมถึงเส้นทางบินใหม่ และการทำการตลาด ซึ่งจะทำให้จำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้น 15% โดยจะเริ่มแผนในปี 57
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า ในช่วงกว่า 10 ปีสายการบินต้นทุนต่ำ (lowcost airline) ได้เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดสายการบินไทย จากเมื่อ 7 ปีที่แล้ว สายการบินไทยมีส่วนแบ่งตลาดในประเทศ 82% แต่ปัจจุบัน สายการบินไทย รวมกับสายการบินนกแอร์ มีส่วนแบ่งตลาด 50% ขณะที่ในตลาดภูมิภาคเอเชีย สายการบินไทย มีส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือ 33% จากเดิมที่มีส่วนแบ่งตลาด 43% ขณะที่สายการบินต้นทุนต่ำ มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 7% จาก 2% เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา
ดังนั้น การจัดตั้งสายการบิน ไทย ไทเกอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่การบินไทยจะช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดกลับมา ส่วนสายการบินนกแอร์ เป็น สายการบิน budget airline ไม่ใช่สายการบิน lowcost airline ขณะที่ สายการบินไทยถือเป็นสายการบินพรี่เมี่ยม แต่ยังไม่ถึงสายการบิน 5 ดาว แต่ขณะนี้บริษัทที่สำรวจเกี่ยวกับสายการบินได้จัดลำดับให้สายการบินไทยเป็นสายการบินให้บริการดี ในลำดับที่ 9 ขยับขึ้นมาจากอันดับ 10
"เรายังไม่เป็นสายการบิน 5 ดาว แต่เรามองว่าใกล้เอื้อมมือเรา"นายปิยสวัสดิ์กล่าว
เขายังนำเสนออีกว่า ในงวด 6 เดือนแรกของปี 53 บริษัทสามารถทำกำไรได้ 1.2 หมื่นล้านบาท จากที่เคยประสบผลขาดทุน 2.1 หมื่นล้านบาทในปี 51
ทั้งนี้ ช่วงหนี่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี, นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง , นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม พร้อมด้วยนายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการบิรษัท และนายปิยสวัสดิ์ ได้ขึ้นเวทีพร้อมกันในการพูดคุยอนาคตของการบินไทย
นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามว่า เป้าหมายที่การบินไทยต้องการติด 1 ใน 5 ของโลก หรือ 1 ใน 3 ของเอเชีย จะใช้เวลาเท่าไร นายอำพน กล่าวว่า ภายใน 3 ปี จากการที่บริษัทได้ปรับปรุงที่นั่งและเครื่องอำนวยความสะดวกภายใน การเดินแผนกลยุทธ์ TG100 ด้านนายปิยสวัสดิ์ กล่าวเสริมว่า การบริการก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเรื่องอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัททำได้ดี
นายอภิสิทธ์ ได้แสดงความชื่นชมว่าการบริหารจากคณะกรรมการบริษัทที่มีนายอำพนเป็นประธานและนายปิยสวัดิ์เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สามารถพลิกฟื้นธุรกิจจากที่ขาดทุนหนักถึงขั้นมีหลายฝ่ายมองว่าจะไปรอดได้หรือไม่ จนปัจจุบัน กลับมาฟื้นได้ และถือเป็นรัฐวิสาหกิจที่แข่งขันกับเอกชน
"ความคล่องตัว เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ...คนที่กำกับดูแลจะไม่เข้าไปทำตัวเป็นอุปสรรค เพราะการบินไทยพบการแข่งขันทุกที่ทุกทางอยู่มากแล้ว" นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนท้ายและหันไปจับเข่า รมว.คมนาคม
ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า ในฐานะผู้ถือหุ้น(ถือ 51.03%)ผลประกอบการที่ผ่านมาเป็นไปได้ด้วยดี จะเห็นได้จากราคาหุ้น THAI สะท้อนมา ณ วันนี้ปรับขึ้นไปที่ 40 บาท จากวันแรกที่รัฐบาลเข้ามาราคาหุ้นอยู่ 7 บาท มูลค่าสินทรัพย์เติบโต 5 เท่า
ขณะที่รมว.คมนาคม กล่าวว่า จะไม่มีการเข้าไปแทรกแซงการทำงานของการบินไทย แต่จะใช้อำนาจหน้าที่ตรงไปตรงมา ขณะเดียวกันของยืนยันว่า กระทรวงคมนาคม จะเชิญผู้บริหารการบินไทย ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการจัดตั้งสายการบินไทย ไทเกอร์ ว่าได้ทำตามทุกอย่างตามระเบียบและตามกฎหมายหรือไม่ ถือว่าเป็นการกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัด หากการบินไทยชี้แจงได้ก็พร้อมสนับสนุน