โบรกฯระบุ PTT-PTTCH-SCCพ้นบ่วงมาบตาพุด โครงการที่ถูกระงับมีผลกระทบน้อย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 3, 2010 09:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บทวิเคราะห์ บล.ธนชาต ระบุว่า วานนี้ศาลปกครองมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งระงับการดำเนินงานชั่วคราวโครงการมาบตาพุดที่ไม่ตกอยู่ใน 11 ประเภทกิจกรรมที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ทำให้โครงการส่วนใหญ่ของ PTT, PTTCH และ SCC ไม่ตกอยู่ภายใต้คำสั่งระงับดำเนินงานของศาลอีกต่อไป ยกเว้นโครงการ MEG ของ PTTCH และโครงการขยาย VCM ของ TPC บริษัทย่อยของ SCC

เราเชื่อว่าทั้ง PTTCH และ SCC จะดำเนินการตามแนวทางปกติ คือการได้รับอนุมัติ EIA และ HIA สำหรับทั้งสองโครงการแล้ว และบริษัทยังคงคาดว่าโครงการจะสามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามกำหนดการที่วางไว้ในต้นปี 54

ถึงแม้ว่าจะมีสองโครงการที่ยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งระงับการดำเนินงานของศาล แต่คำสั่งศาลโดยรวมยังคงออกมาเป็นบวกอย่างมากสำหรับทั้ง SCC และ PTTCH การกลับมาดำเนินงานโรงแยกก๊าซ #6 ของ PTT จะส่งประโยชน์โดยตรงต่อ PTT และโดยอ้อมสำหรับ PTTCH เนื่องจากทำให้ PTTCH สามารถดำเนินโรงงานเอทิลีน 1 ล้านตัน ได้อย่างเต็มกำลังการผลิต (หากไม่มี GSP#6 Cracker ใหม่ของ PTTCH จะสามารถดำเนินงานได้ในอัตราการดำเนินงานเพียง 50-70% เท่านั้น) นอกจากนี้โรงงาน downstream ต้องใช้ผลผลิตจากโรงงาน cracker 1 ล้านตัน จึงจะดำเนินงานได้เต็มกำลังการผลิตอีกด้วย

ขณะที่โครงการ downstream ของ SCC ยังสามารถกลับมาดำเนินงานได้เนื่องจากคำสั่งเพิกถอนคำสั่งระงับการดำเนินงานของศาล ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถดำเนินงานโครงการ upstream olefins cracker 1.7 ล้านตัน ได้ที่ระดับเต็มกำลังการผลิต เนื่องจากโรงงาน downstream สามารถดำเนินงานได้เต็มกำลังการผลิต

โครงการหลัก ซึ่งสามารถกลับมาดำเนินงานได้ คือ PTT-GSP 6, PTTCH— 100kt ethylene, 50kt propylene และ 300kt HDPE ,และ SCC — 350kt LLDPE 50% JV, 390,000kt propylene oxide 50% JV, 200kt specialty elastomer 50% JV.

ทั้งสามบริษัท PTT แนะ“ซื้อราคาเป้าหมาย 375 บาท/หุ้น, PTTCH แนะ“ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 133 บาท/หุ้น และ SCC แนะ“ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 375 บาท/หุ้น เป็นผู้ที่ได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากข่าวนี้ แต่เนื่องจาก PTT และ SCC มีธุรกิจอื่นนอกเหนือจาก GSP#6 และธุรกิจเคมีภัณฑ์ จึงทำให้ PTTCH ซึ่งมีธุรกิจหลักเป็นปิโตรเคมีได้รับประโยชน์จากข่าวดังกล่าวมากที่สุด

แต่อย่างไรก็ตาม SCC ยังคงเป็น Country Top Pick ของเรา เนื่องจากให้ upside จากราคาเป้าหมายสูงกว่า PTTCH และ SCC ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ(60% ของกำไรรวม)ผ่านทางการเติบโตของธุรกิจซีเมนต์, กระดาษ, วัสดุก่อสร้าง และอื่น ๆ อาทิเช่น เครื่องจักรเกี่ยวกับการเกษตร

เนื่องจากเราคาดว่าโรงงานส่วนใหญ่จะสามารถกลับมาดำเนินการได้ในต้นปีหน้า ข่าวดังกล่าวจึงไม่ได้ทำให้ประมาณการปี 54 และปีถัด ๆ ไปของเราเปลี่ยนแปลงไป แต่อย่างไรก็ตาม อาจจะทำให้เกิด upside ต่อกำไรในปี 53 เนื่องจากโครงการเหล่านี้จะสามารถกลับมาดำเนินงานได้ภายใน Q4/53 แต่ไม่คาดว่าข่าวดังกล่าวจะทำให้เกิด upside จากราคาเป้าหมายของเรามากนัก เนื่องจากกระแสเงินสดจะเข้ามาเร็วกว่าที่คาดไว้เพียงไม่กี่เดือน และข่าวนี้น่าจะช่วยปลดล็อคมูลค่าหุ้นมากกว่า

บทวิเคราะห์ บล.ไอร่า ระบุว่า โครงการของ PTTCH ที่เคยติดอยู่ในมาบตาพุดมี 7 โครงการ คาดว่าจะมีเพียงโครงการเดียวคือ MEG Expansion ที่เราคาดว่าจะยังคงติดอยู่ในข่ายรายชื่อกิจกรรมรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องเป็นปิโตรเคมีขั้นปลายมิใช่ขั้นต้น (ethane cracker จึงรอดจากการเป็นกิจกรรมรุนแรง)

โครงการดังกล่าวเมื่อคิดประมาณจาก SPREAD ของ Monoethylene Glycol (MEG) กับ Naphtha ที่ 194 เหรียญต่อตันหักค่าใช้จ่าย Processing cost อีกประมาณ 140 เหรียญต่อตัน จะได้ Operating profit จากส่วนขยายประมาณ 54 เหรียญต่อตัน เมื่อคิดกำลังผลิต 95,000 ตัน จะได้ operating Profit จากส่วนขยายเพียงแค่ 5 ล้านเหรียญ หรือ 169 ล้านบาทไทยคิดเป็นประมาณ 1.5% ของกำไรเท่านั้น ผลกระทบจากการที่โครงการดังกล่าวยังคงอยู่ในภาวะระงับการดำเนินงานจึงน้อยมาก

คาดไตรมาส Q3/53 จะเป็นจุดต่ำสุด หลังจากที่บริษัทประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2Q/10 ออกมามีกำไรสุทธิ 2,318 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.5 บาท ลดลง -26.9% qoq และ +8.3% yoy โดยส่วนต่างราคาขายกับวัตถุดิบ (spread margin) ที่ลดลงของผลิตภัณฑ์หลักเอทิลีนและ High Density Polyethylene (HDPE) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานลดลงจากไตรมาสที่แล้วรวมถึงช่วงเดียวกันของปีก่อน

หลังจากไตรมาส Q3/53 จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น ตลาดได้รวมเอากรณีเลวร้ายที่สุดเกี่ยวกับปัญหาความล่าช้าในการเริ่มโรงแยกก๊าซฯที่ 6 ไปดำเนินการต้นปีหน้าไว้เรียบร้อยนานแล้วแต่หากโรงแยกก๊าซดำเนินการได้เร็วจะส่งผลบวก คาดว่าเมื่อโรงแยกผ่านอุปสรรคจะทำให้กำไรโต 76% ในปี 54 การใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบมากขึ้นจะทำให้ต้นทุนถูกกว่าผู้ผลิตอื่นที่ใช้ Naphtha เราให้ราคาเป้าหมายตาม DCF ที่ 119 บาท อาจจะมีแรงกดดันจากกำลังผลิตใหม่ในภูมิภาคที่จะเข้ามา แนะนำ PTTCH เป็นลักษณะ Trading Buy


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ