นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีทิศทางของการปรับขึ้น แต่ให้ระมัดระวังแรงขายทำกำไร โดยตลาดวันนี้คงได้แรงหนุนจากจิตวิทยาบวกในเรื่องความชัดเจนโครงการในมาบตาพุด หลังจากศาลปกครองมีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตโครงการที่มีผลกระทบรุนแรง ซึ่งมีเพียง 2 โครงการจากทั้งหมด 76 โครงการ
ดังนั้น ทิศทางของหุ้นขนาดใหญ่ยังคงมีสีสันอยู่ อีกทั้งมองว่าเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดบ้านเรา และในแถบเอเชียอยู่ เนื่องจากเงินบาทยังแข็งค่า และเศรษฐกิจของประเทศในแถบเอเชียยังมีความแข็งแกร่ง
"น้ำหนักที่มีผลต่อตลาดตอนนี้คือเรื่องภายในเป็นหลัก ก็เป็นเรื่องของ fund flow และมีความชัดเจนเรื่องมาบตาพุด หลังจากที่ถูกล็อคเอาไว้ ฉะนั้นการซื้อน่าจะมีความมั่นใจขึ้น เชื่อว่าวันนี้อาจจะมีการเก็งกำไรค่อนข้างจะมาก ตลาดหุ้นอาจจะมีการเปิดค่อนข้างจะหวือหวาขึ้นไป แต่ถ้าเปิดหวือหวามากก็อาจจะโดนขายได้เหมือนกัน เชื่อว่าเช้านี้คงเปิดมาบวกอยู่แล้วเพียงแต่ว่าจะผันผวนแบบไหนเท่านั้นเอง"นายเจริญ กล่าว
ส่วนปัจจัยในต่างประเทศก็ได้รับแรงหนุนทางจิตวิทยาจากดาวโจนส์ที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาทรงตัวในแดนเล็กน้อยเป็นส่วนใหญ่
พร้อมให้แนวรับ 910 จุด แนวต้าน 930,950 จุด
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.ธนชาต ระบุว่า จากความชัดเจนในคดีมาบตาพุด ทำให้ความกังวลต่อ regulatory risk ของประเทศจางหายไป ซึ่งเรามองว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นได้รับการ re-rate ขณะที่ขั้นต่อไป คือ การเกิดใบอนุญาต 3G ซึ่งหากเป็นไปได้อย่างราบรื่น ก็จะช่วยขจัดความกังวลในเรื่อง regulatory risk อื่นของประเทศเช่นกัน และเราคาดว่าจะเป็นบวกสำหรับตลาดโดยรวม ไม่แต่เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เรายังคงมองบวกต่อ SET โดยมีดัชนีเป้าหมายที่ 1,150 จุด ในปี 54
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวานนี้(2 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,320.10 จุด เพิ่มขึ้น 50.63 จุด(+0.49%)เอส
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,285.85 ล้านบาทเมื่อวานนี้
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 75.02 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.11
- ศาลปกครองกลางพิพากษาโครงการลงทุนมาบตาพุด ไม่เข้าข่าย 11 ประเภทกิจการรุนแรงเดินหน้าต่อได้ สั่งถอนใบอนุญาต 2 โครงการปิโตรเคมี ของ ปตท.เคมิคอล และไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมหารือว่าหน่วยงานใดเป็นผู้ชี้โครงการรุนแรง เผยโครงการใดไม่เข้าข่ายกิจการรุนแรงเดินหน้าต่อได้ทันที ส.อ.ท.หวังทุกฝ่ายนำคำสั่งศาลไปใช้สร้างสรรค์
- ครม.เศรษฐกิจไร้ข้อสรุป"เกาะติดเก็งกำไร"หลังประเมินค่าเงินบาทยังเคลื่อนไหวตามภูมิภาค"แบงก์ชาติ"ย้ำผันผวนปกติเฉลี่ยที่ 3-4% แต่ยังไม่พบสัญญาณเก็งกำไร แต่สั่งจับตาใกล้ชิด ขณะที่เอกชนมองสวนทาง ตั้งแต่ต้นปีค่าบาทแข็ง 7% ขณะที่กำไรเฉลี่ย 5-10% กลุ่มใช้วัตถุดิบในประเทศกระทบสูงสุด
- กทช.หวั่นไลเซนส์ใบที่ 3 ไม่เกิด หลังวิปรัฐบาลแทรกแซงประมูล 3จี เตรียมเร่งวาระกสทช.ให้ทันก่อนปิดประชุม พ.ย.นี้
- ทริส เรทติ้ง เปิดโผ 4 ธุรกิจเฝ้าติดตาม หลังพบมีประเด็นเศรษฐกิจ ที่อาจกระทบการดำเนินงาน โดยเฉพาะข่าวฟ้องร้อง กทช. เรื่อง "3 จี" หวั่นฉุดความเชื่อมั่นผู้ลงทุน ซ้ำรอย "มาบตาพุด" กระทบกลุ่มผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ พร้อมแนะจับตาแรงเก็งกำไรอสังหาฯ พัฒนาเป็นฟองสบู่ ขณะที่กลุ่มพลังงาน ห่วงราคาก๊าซธรรมชาติที่ผันผวน รวมทั้งธุรกิจเช่าซื้อ-นอนแบงก์ ด้านมูดี้ส์ห่วงการเมืองฉุดเรทติ้งแนวโน้มไทย
- รองประธานและนักวิเคราะห์อาวุโสฝ่ายดูแลความเสี่ยง บริษัท มูดี้ส์ อินเวสเตอร์เซอร์วิส สิงคโปร์ เผยมูดี้ส์เตรียมปรับอันดับเครดิตประเทศไทยภายในสิ้นปีนี้ หลังมีมุมมองในเชิงลบมาเกือบ 2 ปี หรือตั้งแต่มีการชุมนุมและปิดสนามบินเมื่อเดือนธ.ค. 2551