ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 3, 2010 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเช้าวันนี้ (3 ก.ย.) หลังจากที่สหรัฐได้เปิดเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือนก.ค.ที่สูงขึ้นกว่าคาดการณ์ ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ลดลง

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 9,097.59 จุด เพิ่มขึ้น 34.75 จุด สำหรับดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,918.81 จุด บวก 49.89 จุด ส่วนดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,770.93 จุด บวก 50.11 จุด ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเดินหน้าขึ้น 2.35 จุด แตะ 2,658.13 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,780.80 จุด เพิ่มขึ้น 5.07 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,440.05 จุด ลบ 1.02 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,537.40 จุด เพิ่มขึ้น 4.70 จุด และดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,007.66 บวก 21.00 จุด

ดัชนี MSCI Asia Pacific บวก 0.3% แตะ 119.69 จุด เมื่อเวลา 9.31 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว

หุ้นแคนนอน บวก 1% ส่วนหุ้นเจมส์ ฮาร์ดี อินดัสทรีส์ พุ่ง 2.5% ในตลาดหุ้นออสเตรเลีย ส่วนหุ้นโตโยต้า มอเตอร์ พุ่ง 1.7% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน บวก 0.8% ขณะที่ราคาสินค้าโคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น

นักวิเคราะห์ กล่าวว่า มุมมองที่เป็นลบเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มลดลง หลังจากที่มีข้อมูลที่เป็นบวกเข้ามาบ้าง

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 5.2% จากเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 79.4 จุด สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 74.9 จุด

อย่างไรก็ตาม ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านยังอยู่ในระดับต่ำหากเทียบกับเดือนก.ค.ปีที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวร่วงลง 19% มาอยู่ที่ระดับ 75.5 จุด เนื่องจากนโยบายการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านหมดอายุลง ซึ่งส่งผลให้ดีมานด์การทำสัญญาในกลุ่มผู้ซื้อลดลงไปด้วย

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 28 ส.ค. ลดลง 6,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 472,000 ราย ทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 475,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ 473,000 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ