นายสมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRC เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแผนลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 54 โดยจะเป็นการปรับบทบาทของบริษัทจากผู้รับเหมางานด้าน Oil and Gass มาเป็นเจ้าของโครงการ นอกจากนั้นจะทำให้บริษัทมีรายได้ในระยะยาว ซึ่งการดำเนินธุรกิจไม่ได้แตกต่างจากธุรกิจเดิมไปมากนัก
ขณะเดียวกัน บริษัทจะขยายการรับงานในต่างประเทศเพื่อเพิ่มรายได้และลดความเสี่ยงจากงานในประเทศด้วย หลังจากช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างลำบากจากผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น คาดว่าใน 2 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจุบันมีสัดส่วน 10-20% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานท่อขนส่งน้ำและท่อน้ำมันในประเทศโอมาน โดยขณะนี้ลูกค้าให้การยอมรับงานบริษัทมากขึ้น และคาดว่าจะสามารถรับงานเพิ่มขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แผนเข้าไปรับงานใหญ่ในประเทศไนจีเรีย คงจะเลื่อนไปเป็นปี 54 จากเดิมที่บริษัทคาดว่าจะเห็นภายในปีนี้ เนื่องจากความล่าช้าของประเทศไนจีเรียที่มีการจัดตั้งรัฐมนตรีใหม่ จึงทำให้ต้องหารือโครงการกันใหม่ แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ผลกระทบต่อแผนงานของบริษัทมากนัก เพราะงานที่ไนจีเรียมีมูลค่าค่อนข้างมาก ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการนานอยู่แล้ว และในการรับงานดังกล่าวบริษัทคาดว่าคงจะต้องหาพันธมิตร 3-4 รายเพื่อตั้งเป็นบริษัทร่วมทุน
ทั้งนี้ การที่บริษัทจะรับงานที่มีขนาดใหญ่ และมีความแข็งแกร่ง คงจะต้องมีการหาพันมิตรเข้ามาร่วมทุน แต่ก็คงจะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยก็ 2-3 ปีข้างหน้า แต่ในเรื่องของการลงทุนขณะนี้บริษัทมีความพร้อม เพราะปัจจุบันบริษัทมีความแข็งแกร่งพอ
นายสมัย กล่าวอีกว่า บริษัทยังให้ความสำคัญกับงานในประเทศเป็นตลาดหลัก โดยเฉพาะงานวางท่อก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นงานที่ TRC มีความเชี่ยวชาญ และสร้างผลงานในธุรกิจนี้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ก็ยังมีงานใหม่เข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่องทั้งภาครัฐและเอกชน ขณะที่ลูกค้าหลักอย่างบมจ.ปตท.(PTT)ก็ยังเป็นลูกค้าที่ดี
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรอผลประมูลงานวางท่อก๊าซเส้นที่ 4 เพื่อเข้าไปรับช่วงงานจากผู้ชนะประมูล ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดซองด้านเทคนิคไปแล้ว และจะเปิดซองราคาในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ รวมทั้ง กำลังรอผลประมูลงานของ ปตท.อีกโครงการที่บริษัทจับมือกับพันธมิตรเข้ารับงาน คาดว่าจะเปิดซองช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้
"เราพร้อมในการเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องควบคู่กันไปทั้งงานในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในต่างประเทศจะเป็นงานที่ท้าทายความสามารถและความแข็งแกร่งในอนาคต ปัจจุบันงานที่เราทำทั้งงานด้านก่อสร้างและวิศวกร ในประเภทงานวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ในกลุ่มธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี ก็เป็นที่ยอมรับ แต่เราก็จะต้องใช้ความสามารถที่เรามีให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งการลงทุนใหม่อย่างธุรกิจไฟฟ้าก็จะการเพิ่มรายได้ในระยะยาวให้เรา"นายสมัย กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ นายสมัย กล่าวว่า รายได้ยังคงเติบโตได้ด้วยดี คาดว่าจะทำรายได้ประมาณ 1.4-1.7 พันล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อน และแนวโน้มกำไรน่าเป็นด้วยดี โดยไตรมาส 2/53 ที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิ 67.01 ล้านบาท ดีขึ้นจากไตรมาส 1/53 ที่มีผลประกอบการขาดทุน และเชื่อว่าในครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อเนื่อง ด้วยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการกลับมาของธุรกิจปิโตรเคมี ซึ่งถือเป็นลูกค้าหลักของบริษัท
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ(backlog)ประมาณ 1 พันล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปีนี้และปีหน้า โดยเชื่อว่าในปีหน้ารายได้และ backlog จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งมูลค่างานกว่า 50% ใน backlog เป็นงานของ ปตท.เมื่อโครงการลงทุนในมาบตาพุดของ ปตท.ถูกปลดล็อคแล้ว ก็จะทำให้งานเกิดขึ้นเร็ว ส่งผลดีกับผู้รับเหมาที่เกี่ยวข้องไปด้วย