นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอ็ม บี เค(MBK)คาดว่า รายได้และกำไรจากการดำเนินงานในงวดปี 53/54 (ก.ค.53-มิ.ย.54)จะเติบโตขึ้นจากงวดปีก่อน แต่ไม่มีรายได้และกำไรรายการพิเศษเข้ามาเหมือนงวดปี 52/53 ที่บริษัทได้ขายหุ้นที่ถือไว้ในธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)ให้กับธนาคารธนชาต(TBANK) ซึ่งทำให้มีรายได้เข้ามาเพิ่ม 2.5 พันล้านบาท และเป็นกำไร 1.5 พันล้านบาท
ดังนั้น บริษัทคาดว่าในงวดปี 53/54 กำไรจากการดำเนินงานจะเติบโต 30% โดยจะฟื้นกลับมาเท่ากับงวดปี 51/52 ที่มีกำไร 1.3-1.4 พันล้านบาท จากงวดปี 52/53 ที่มีกำไรจากการดำเนินงานราว 1 พันล้านบาท ขณะที่รายได้รวมงวดปี 53/54 จะเติบโตราว 10% มาอยู่ที่ประมาณ 6.6 พันล้านบาท จากงวดปีก่อนที่มีรายได้รวม(ไม่รวมรายได้ขายหุ้น SCIB)อยู่ที่ 6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ในงวดปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการพาราไดซ์ ปาร์ค ที่เพิ่งเปิดให้บริการ จะเข้ามาเต็มปีที่ประมาณ 500 ล้านบาท ตามสัดส่วน MBK ถือหุ้น 50% ภายใต้คาดการณ์รายได้จากพาราไดซ์ ปาร์คทั้งปีที่ 1 พันล้านบาท โดยมีผู้เข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 8-9 หมื่นคน/วันในวันปกติ และเสาร์-อาทิตย์คาดว่าจะแตะ 1 แสนคนต่อวัน
รวมทั้ง มีรายได้จาก บริษัท ทีลิสซิ่ง ที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ซื้อเข้ามาใหม่เมื่อเดือนเม.ย.53 ด้วย และให้ผลตอบแทนที่ดี โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 12-15% ขึ้นไปในแง่รายได้ และในปี 54 รายได้จะเข้ามาเต็มปี
นายสุเวทย์ กล่าวว่า สาเหตุที่กำไรจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะสูงขึ้นถึง 30% ขณะที่รายได้เติบโตแค่ 10% เนื่องจากรายได้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นเข้ามาปีนี้ส่วนใหญ่เป็นค่าเช่าที่มากขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ซึ่งส่วนที่เพิ่มขึ้นจะบันทึกเป็นกำไรเกือบทั้งหมด เพราะค่าใช้จ่ายคงที่ เนื่องจากต้นทุนเท่าเดิมและจำนวนพนักงานเท่าเดิม
"ปีนี้ถ้าเหตุการณ์ปกติรายได้ก็กลับมาเป็นปกติจากโอเปอเรชั่น และยังมีสินทรัพย์ที่ซื้อใหม่คือบริษัททีลิสซิ่ง ส่วนรายการพิเศษปีนี้คงไม่มี"นายสุเวทย์ กล่าว
ส่วนธุรกิจโรงแรมปีนี้ไม่คิดว่าจะกลับมาเติบโตได้มาก เพราะนักท่องเที่ยวยังไม่กลับคืนมาทั้งหมด
"ปีนี้ธุรกิจหลักที่จะ drive รายได้คือพาราไดซ์ปาร์ค ช่วยได้ ธุรกิจศูนย์การค้าน่าจะกลับมาโตได้บ้าง โรงแรมถ้าเทียบกับปีก่อนก็พอจะกลับมาได้บ้าง" นายสุเวทย์ กล่าว
สำหรับการลงทุนโครงการใหม่ของบริษัทในปีนี้คือ โครงการเดอะไนน์ เป็นคอมมูดิตี้มอลล์ที่ย่านพระราม 9 คาดว่าจะสร้างเสร็จกลางงวดปี 54/55 และสร้างโรงแรมขนาดเล็ก 40 กว่าห้องที่ จ.ภูเก็ต มูลค่าลงทุน 60 กว่าล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดิน) คาดว่าสิ้นปีนี้จะเปิดให้บริการได้ นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ และบ้านแฝด โดยที่ภูเก็ตยังมีที่ดินเปล่าอีกที่รอการพัฒนาอีก
บริษัทยังมีที่ดินอีก 6 ไร่ ที่ถนนรัชดาภิเษก โดยขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนแผนงานว่าจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยหรืออาคารสำนักงาน ยังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้าย แต่คาดว่าจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท และรายได้จะเข้ามาในปี 55 โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 54
"ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าธุรกิจศูนย์การค้ารายได้จะเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ ทั้งพาราไดซ์ปาร์ครายได้จะเข้ามาแข็งแรงขึ้น เดอะไนน์ ก็แข็งแรง เรียลเอสเตทเราก็ต้องพยายามพัฒนาขึ้นมา เพราะเรามีแลนด์แบงก์เป็นโอกาสที่จะทำเรียลเอสเตทเองโดยที่เราไม่ต้องซื้อที่ดิน นอกจากนี้ยังที่ดินที่ปทุมธานีอีก 200 ไร่ และที่ภูเก็ตก็ยังมี"นายสุเวทย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีนโยบายมองหาโอกาสในการซื้อกิจการเพิ่มเติม หากอยู่ในข่ายเดียวกับธุรกิจหลัก ขณะที่ MBK ยังมีเงินทุนอีกมาก