นาย แฮนส์ จาร์ เกน เนียลเซ่น กรรมการผู้จัดการ บมจ. แอลวีที กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีผลขาดทุนสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมา ซึ่งถึงแม้ว่าบริษัทจะทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว แต่ไม่สามารถครอบคลุมผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและค่าเงินยูโรผันผวนมาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 1.3-1.5 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ราว 1.55 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog)อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ใปนี้ประมาณ 1 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจารับงานในโรงงานผลิตปูนซิเมนต์อีก 4 โรงงาน รวมกำลังการผลิต 1 ล้านตัน/ปี แบ่งเป็นในบราซิล 2 โรงงาน มูลค่างาน 1 พันล้านบาท คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในเดือนต.ค.นี้ และในพม่า 1 โรงงาน มูลค่างาน 500 ล้านบาท คาดเซ็นสัญญาภายในเดือนก.ย.นี้
ส่วนที่อิหร่านอีก 1 โรงงานมูลค่างาน 1 พันล้านบาท อยู่ระหว่างเจรจาและยังไม่ได้ข้อสรุป
"บราซิลคงเป็นช่วงเดือน ต.ค. ส่วนที่พม่าคงเป็นเดือนนี้ โดยทางเทคนิคเคิลถือว่าได้งานแล้ว ประเทศพม่ามีข้อจำกัดด้านเงินทุน ซึ่งเขาก็กำลังหา back มาสนับสนุน ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนอิหร่านอยู่ระหว่างเจรจา"นายเนียลเซ่น กล่าว
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจ upgrade modify เครื่องจักรในโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ ประมาณ 56% ในปี 52 และในช่วง 5 เดือนแรกของปี 53 มีสัดส่วน 39% ของรายได้รวม
ขณะที่สัดส่วนรายได้จากงานก่อสร้างโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ช่วง 5 เดือนแรกอยู่ที่ 17% จากปีก่อนไม่มีรายได้นี้ จึงมองว่าสัดส่วนรายได้ดังกล่าวในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นมาใกล้เคียงกับรายได้จาก upgrade modify เครื่องจักร