นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เด็มโก้(DEMCO)คาดว่า ในปีนี้บริษัทจะทำรายได้ราว 3,045 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในระดับ 5 พันล้านบาท เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ชะลอการเซ็นสัญญารับซื้อไฟจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทุกโครงการ เพื่อรอความชัดเจนจากการที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานทบทวนเรื่องส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า(Adder) ทำให้กระทบกับเป้าหมายรายได้ที่จะรับรู้ในครึ่งปีหลังที่ต้องยืดระยะเวลาออกไป
ทั้งนี้ ในแง่ของกำไรสุทธิของบริษัทในครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่มีกำไรสุทธิ 64 ล้านบาท
แต่ในปี 54 คาดว่ารายได้ของบริษัทจะสูงขึ้นเป็นมากกว่า 5 พันล้านบาท เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้โครงการที่ชะลอออกไปจากนี้ โดยบริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานลมเข้ามาเต็มปีที่ประมาณ 3.1 พันล้านบาท จากปีนี้จะรับรู้ฯประมาณ 500 ล้านบาท และจะมีงานใหม่เพิ่มเข้ามากขึ้น โดยหากโครงการ 3G มีความชัดเจน บริษัทก็คาดว่าจะมีส่วนร่วมรับงานวางเสาโทรคมนาคม
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ adder พลังงานลมยังอยู่ที่ 3.50 บาท/หน่วยไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ adder พลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์)ปรับจาก 8 บาท/หน่วย เป็น 6.50 บาท/หน่วย
ดังนั้น จึงคาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะกลับมาเดินหน้าได้ภายในไตรมาส 4/53 โดยโครงการพลังงานลมที่เขาค้อ มูลค่าลงทุน 900 ล้านบาทได้ผ่านการทำ EIA และ HIA เรียบร้อยแล้ว และกำลังส่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณา คาดว่าอีก 1 เดือนน่าจะได้รับการอนุมัติ ส่วนโครงการพลังงานลมที่ห้วยบงทั้ง 2 โครงการ มูลค่ารวม 2.7 พันล้านบาท ปัจจุบันได้เริ่มวางเสาส่งบางส่วนแล้ว
"โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ดีเลย์ออกไป ก็เพราะมีการพิจารณาปรับลด adder ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้กฟผ.ชะลอการรับซื้อกระแสไฟฟ้าออกไปกว่า 1 ไตรมาส ซึ่งเราคาดว่าจะสามารถกลับมาเดินงานได้ในไตรมาส 4 นี้"นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
โครงการพลังงานลมของบริษัทที่ยื่นขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ.มีทั้งหมด 10 โครงการ ได้รับอนุมัติแล้ว 3 โครงการ และคาดว่าจะมีอีก 4 โครงการจะได้รับอนุมัติเร็ว ๆ นี้ คาดว่าจะทยอยเปิดได้ในปีหน้าคราวละ 2 โครงการ
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากกฟผ. ซึ่งขณะนี้มีเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ขายไฟฟ้ากับ กฟผ.มาติดต่อกับบริษัทเพื่อเชิญชวนให้ร่วมทุนใน 2 รูปแบบ คือ เข้ามาดูแลด้านการก่อสร้างที่ไม่เกี่ยวกับระบบการผลิต คืองานโยธาและสายส่ง และบางโครงการเสนอให้ร่วมทุนทั้งโครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับ adder เดิมในอัตรา 8 บาท/ยูนิต ขณะนี้บริษัทก็กำลังพิจารณาอยู่ทั้งสองส่วนแต่ยังไมได้ข้อสรุปแร็ว ๆ นี้
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ(backlog)อยู่ที่ 5,144 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 3 พันล้านบาท และบริษัทกำลังยื่นเสนอราคาโครงการใหม่ราว 4,069 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับงานไม่น้อยกว่า 10% หรือขั้นสูงสุดประมาณ 40-50% และน่าจะรับรู้รายได้ส่วนนี้ในปีหน้า