บมจ.กันกุลเอ็นจิเนยริ่ง(GUNKUL) คาดว่า บริษัทจะกำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก(IPO)จำนวน 100 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้ว ราวต้นเดือน ต.ค.หลังจากในเดือนนี้บริษัทจะออกโรดโชว์เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันและรายย่อย และคาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์(SET)ได้ในเดือน ต.ค.นี้ โดยมีบล.ทิสโก้ เป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้น IPO
ทั้งนี้ บริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 400 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO 100 ล้านหุ้น เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ทดแทนเครื่องจักรเดิม ลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
โดยในปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 15-17% และมีกำไรสูงกว่าปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.53) มีรายได้จากการขาย 555.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 54.47% ที่มีรายได้ 359.32 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 24.64% และอัตรากำไรสุทธิ 5.43%
GUNKUL ประกอบธุรกิจผลิต จัดหา และจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับระบบไฟฟ้าและระบบพลังงานทดแทนให้กับกลุ่มลูกค้าภาครัฐและเอกชน และกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ โดยบริษัทมีแผนที่จะต่อยอดธุรกิจ และลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟสที่ 2 ขนาด 4.4 MW โดยในเฟสแรกขนาด 3 MWจะเริ่มขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)ในปลายปีนี้
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวว่า บริษัทจะจัดโรดโชว์หุ้น GUNKUL ในเดือนก.ย.นี้ให้กับนักลงทุนสถาบันในประเทศและรายย่อย เพื่อกำหนดช่วงราคาในต้นเดือน ต.ค.โดยให้นักลงทุนสถาบันประเมินและวิเคราะห์ราคาเข้ามา ซึ่งเป็นวิธีที่โปร่งใสที่สุดได้มูลค่าที่แท้จริง และคาดว่าจะจองซื้อและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในเดือนต.ค.นี้ในหมวดทรัพยากรพลังงานสาธารณูปโภค
ปัจจุบัน มูลค่าทางบัญชี(BV)หุ้น GUNKUL อยู่ที่ 1.70 บาท/หุ้น ก่อน IPO สัดส่วนการจัดสรรให้สถาบันและรายย่อยต้องขึ้นอยู่กับความต้องการขอองผู้ลงทุนก่อนที่จะกำหนดอีกทีว่าควรจะแบ่งสัดส่วนเท่าไร ทั้งนี้ มองว่าหุ้น GUNKUL สามารถลงทุนระยะยาวได้
นายกัลกุล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร GUNKUL เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 17% จากปี 52 ที่ 873 ล้านบาท โดยครึ่งแรกปีนี้ได้แล้ว 558 ล้านบาท และมูลค่างานที่รอส่งมอบคาดว่าจะบันทึกเป็นรายได้ช่วงครึ่งปีหลังอีกประมาณ 460-475 ล้านบาท ที่เหลือรับรู้ฯปี 54 ประมาณ 213 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมรายได้ที่เกิดจากการขายสินค้าส่วนที่ยังไม่ได้มีเซ็นสัญญาและจะส่งมอบในช่วงครึ่งหลังปีนี้อีก
กำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะมากกว่าปี 52 เพราะครึ่งแรกมีกำไรแล้ว 30 ล้านบาท จากปี 52 ทั้งปีกำไรที่ 54 ล้านบาท และคาดว่าครึ่งหลังปีนี้กำไรจะมากกว่าครึ่งปีแรก เพราะเป็นซีซันของธุรกิจที่ไตรมาส 3 และ 4 ของปีทั้งรายได้และกำไรจะสูงกว่าครึ่งแรก สัดส่วนรายได้จะเป็นครึ่งแรก 40% ครึ่งหลัง 60%
"ปกติรายได้ในไตรมาส 3-4 จะเยอะขึ้นถ้าเลยจุดคุ้มทุนไปแล้วก็จะเป็นกำไร กำไรก็จะมากกว่าครึ่งแรก"นายกัลกุล กล่าว