นายยรรยง ไทยเจริญ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ระบุว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย(SET Index)ณ สิ้น ส.ค.53 ปรับตัวในทิศทางขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปิดที่ระดับ 913.19 จุด เพิ่มขึ้น 6.70% จากสิ้นเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 24.32% เมื่อเทียบกับดัชนี ณ สิ้นปี 52 ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่สูงที่สุดในภูมิภาค
เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดการเงินโลกอยู่ในระดับสูง ประกอบกับเครื่องชี้เศรษฐกิจล่าสุดที่สะท้อนการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของเศรษฐกิจไทยส่งผลให้มีเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่องซึ่งถือเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ และในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นตลาดเดียวในภูมิภาคที่มีมูลค่าซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้น ส.ค.53 ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี 8 เดือนนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.39 ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Capitalization) ของ SET และ mai อยู่ที่ 7,429,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.70% จากเดือนก่อนและเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ
มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันในเดือน ส.ค.53 อยู่ที่ 36,747.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.84% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 74.57% จากเดือน ส.ค.52 โดยเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.47 นักลงทุนต่างประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ตั้งแต่มิ.ย.-ส.ค. ส่งผลให้มูลค่าซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศในช่วง 8 เดือนแรกรวม 5,375.45 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาสัดส่วนของมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศกลับมีบทบาทน้อยลงในตลาดหลักทรัพย์ไทยจากสัดสวนมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศที่ลดลงต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนบุคคลทั่วไปกลับมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 68.19% ของมูลค่าการซื้อขายรวม นอกจากนี้ ช่องทางการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งจำนวนบัญชีที่ซื้อขาย และมูลค่าการซื้อขายจนทำให้สัดส่วนมูลค่าซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตต่อมูลค่าซื้อขายรวมเพิ่มมาอยู่ที่ 26.4% ในเดือน ก.ค.53 สูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตในปี 43
นักลงทุนยังคงให้ความสนใจในหลักทรัพย์กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างต่อเนื่องโดยมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันส่วนกลุ่มธนาคารมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงจากเดือนก่อนอย่างมาก นอกจากนี้ นักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนบุคคลทั่วไปยังคงสนใจลงทุนในหลักทรัพย์ขนาดเล็กโดยสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ขนาดเล็กในกลุ่ม Non-SET50 ที่ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเดือนก่อน จาก 35.69% เป็น 43.73%
ในเดือนนี้ตลาดอนุพันธ์เริ่มซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส (Gold Futures) ขนาด 10 บาท โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวัน 991 สัญญา ขณะที่ปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์รวมทุกประเภทเฉลี่ยรายวัน15,816 สัญญา เพิ่มขึ้น 13.34% จากเดือนก่อน
บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนในรูปตราสารทุนมูลค่ารวม 2,648.61 ล้านบาท เป็นการระดมทุนจากบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ (IPO)1 บริษัท และกองทุนอสังหาริมทรัพย์เข้าจดทะเบียนใหม่ 1กองทุน มูลค่าระดมทุน 162 และ 828 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่มีการระดมทุนในตลาดรอง 1,658.61 ล้านบาทสำหรับภาพรวมการระดมทุนในช่วง 8 เดือนแรกของปี 53 มีมูลค่าอยู่ที่ 52,526.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน