นายวีรศักดิ์ โฆษิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.เคมิคอล(PTTCH)คาดว่า โครงการลงทุน 7 โครงการในพื้นที่มาบตาพุดที่เคยถูกระงับไว้ชั่วคราวจากคำสั่งของศาลปกครองจะกลับมาเดินเครื่องได้ภายในปีนี้ หากทางการออกใบอนุญาตประกอบกิจการหรือยกเลิกประกาศคำสั่งศาลปกครองได้ภายในสัปดาห์หน้า ตามที่บริษัทได้ยื่นขอไปแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 1 แสนล้านบาท
โครงการขนาดใหญ่ 3 โครงการสำคัญใน 7 โครงการ ได้แก่ โครงการส่วนขยายผลิตเม็ดพลาสติก HDPE กำลังการผลิต 5 หมื่นตัน/ปี, โครงการผลิตเม็ดพลาสติก HDPE ภายใต้บริษัท บางกอกโพลีเอทีลีน(BPE) บริษัทลูก ที่มีจำนวน 2.5 แสนตัน/ปี และ โครงการเอทานอลอามีน กำลังการผลิต 5 หมื่นตัน/ปี
ส่วนโครงการอีเทนแครกเกอร์ใหม่ที่มีขนาดกำลังการผลิต 1 ล้านตัน/ปี บริษัทพยายามจะเดินเครื่องเพิ่มขึ้นให้เร็วที่สุดภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่เดินเครื่องได้ 50% ของกำลังการผลิต โดยต้องรอให้โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ดำเนินการขออนุญาตจากภาครัฐเดินหน้าโครงการก่อน
"เราพยายามจะทำให้ได้สิ้นปีนี้ ถ้าทำได้ก็เป็น upside ที่จะเกิดในช่วงปลายปี รายได้น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับเป้าหมาย" นายวีรศักดิ์ กล่าว
ส่วนโครงการผลิตเอทิลีนออกไซด์และเอทิลีนไกลคอล(ส่วนต่อขยาย)ที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตไปแล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)และผลกระทบสุขภาพ(HIA)คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้ จากจะยื่นต่อสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 7 โครงการก็จะดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบสุขภาพ (HIA) ไปพร้อมกับการดำเนินโครงการไปด้วย เพราะบริษัทต้องการที่จะทำตามกติกา และไม่ได้ห่วงเรื่องความเข้มงวด แต่ห่วงเรื่องความชัดเจนของกฎระเบียบมากกว่า
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า กลุ่มปิโตรเคมี ทั้งกลุ่มปตท. และกลุ่มปูนซิเมนต์ (SCG) มีแผนขยายการลงทุนไปในต่างประเทศอยู่แล้วเพราะต่างต้องการการเติบโตปีละ 10-20% ขณะที่ตลาดในประเทศเติบโตเพียงปีละ 4% จึงเห็นว่าตลาดในประเทศเล็กเกินไป จะเห็นว่ารายได้จากต่างประเทศของ PTTCH มีสัดส่วน 50%