นายอัษฎากร ลิ้มปิติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานกลยุทธและพัฒนาธุรกิจ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP)กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะสรุปผลการเจรจาโครงการร่วมทุนและซื้อกิจการในออสเตรเลียได้ภายในไตรมาส 1/54 หลังจากออสเตรเลียได้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ และคาดว่าจะประกาศผลตรวจสอบความเสียหายแหล่งมอนทาราภายในเดือนนี้
"ตอนนี้เรื่องมอนทารา ปตท.สผ.ได้ส่งผลศึกษาทางเทคนิคและความเสียหายต่อรัฐบาลออสเตรเลียแล้ว ซึ่งรัฐบาลใหม่ก็เป็นรัฐบาลชุดเดิม แต่มีพรรคร่วมที่ค่อนข้าง conservative เรื่องสิ่งแวดล้อม ก็คงต้องรอดูว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ปตท.สผ.แต่ดีลใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาก็คงต้องรอให้เรื่องมอนทาร่าจบก่อน ไตรมาส 1 ปีหน้าคงทยอยสรุปได้"นายอัษฎากร กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทให้ความสำคัญลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมในออสเตรเลีย โดยเฉพาะโครงการ LNG และ FLNG ซึ่งเป็น 2 ใน 3 โครงการขนาดใหญ่ที่บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษา ส่วนโครงการขนาดเล็กที่บริษัทมีความสามารถเข้าไปซื้อกิจการได้นั้น ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ 3-4 ราย โดยบริษัทตั้งงบลงทุนในประเทศออสเตรเลียไว้ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 10 ปี (54-63) จากงบลงทุนทั้งหมด 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
นอกเหนือจากออสเตรเลียแล้ว บริษัทก็จะให้น้ำหนักการลงทุนในอินโดนีเซีย พม่า และในประเทศไทย
นายอัษฎากร กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลอินโดนีเซียเรียกร้องค่าเสียหายจากการรั่วไหลของน้ำมันจากแหล่งมอนทารานั้น ผลศึกษาของบริษัทพบว่าไม่มีผลกระทบของคราบน้ำมันไปถึงน่านน้ำของอินโดนีเซียแต่อย่างใด แต่หากทางการอินโดนีเซียมีหลักฐานชี้ชัดเจน บริษัทก็พร้อมจะรับมาพิจารณา
อย่างไรก็ตาม หลังจากบริษัทได้พูดคุยกับระดับตัวแทนของประเทศอินโดนีเซียแล้ว แต่หวังว่าหากในระดับรัฐบาลสามารถพูดคุยเจรจากันผ่านทางการทูตก็น่าจะช่วยให้ปัญหานี้คลี่คลายไปด้วยดี ขณะที่บริษัทเองก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือด้านสังคมกับรัฐบาลอินโดนีเซียอยู่แล้ว เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนในอินโดนีเซียเป็นจำนวนมาก
ส่วนผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ คาดว่าผลกำไรจะสูงกว่าเป้าหมาย 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาขายปิโตรเลียปรับตัวดีขึ้น ความต้องการใช้ก๊าซอยู่ในระดับสูง โดยบริษัทตั้งเป้าปีนี้ราคาน้ำมันเฉลี่ยจะอยู่ที่ 72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ปัจจุบันปรับตัวขึ้นไปถึง 75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแล้ว ส่วนราคาทั้งปีจะอยู่ที่เท่าใดเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา
ด้านปริมาณการผลิตในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนบาร์เรล/วัน สูงกว่าคาดการณ์ 4-5% จาก 2.87 แสนบาร์เรล/วัน
นายอัษฎากร กล่าวว่า ผลกระทบค่าเงินบาทแข็งค่าไม่ได้ส่งผลดีกับบริษัท แต่ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นทำให้ช่วยชดเชยผลกระทบไปได้