ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) ขานรับข่าวรัฐบาลโปรตุเกสประสบความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรครั้งใหม่ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหนี้ยุโรป นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศแผนกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคและการสร้างงาน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายโดยรวมยังคงซบเซา ซึ่งส่งผลให้ดาวโจนส์ปิดบวกไม่มากนัก หลังจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงในหลายภูมิภาค
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 46.32 จุด หรือ 0.45% แตะที่ 10,387.01 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 7.03 จุด หรือ 0.64% ปิดที่ 1,098.87 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 19.98 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 2,228.87 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 6.55 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัฐบาลโปรตุเกสประสบความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ และจากข่าวที่ว่าประธานาธิบดีโอบามาประกาศแผนการลงทุนด้านสาธารณูปโภคมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซี่งครอบคลุมถึงการขยายและซ่อมแซมถนน ทางรถไฟ และรันเวย์ โดยมีเป้าหมายหลักคือการกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างงาน และเพื่อปกป้องฐานเสียงของพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งสภาคองเกรสซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 2 พ.ย.นี้
แผนการดังกล่าวเป็นการลงทุนในระยะเวลา 6 ปี ซึ่งรวมถึงการซ่อมแซมและขยายถนนในระยะทางทั้งสิ้น 150,000 ไมล์ (241,350 กิโลเมตร) ทางรถไฟความยาว 4,000 ไมล์ (6,430 กิโลเมตร) และรันเวย์ 150 ไมล์ ( 241 กิโลเมตร) โดยโอบามาระบุว่า แผนการลงทุนด้านสาธารณูปโภคจะดำเนินการอย่างสอดคล้องกับกฎหมาย Recovery Act แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งทางรัฐบาลจะใช้งบประมาณการใช้จ่ายในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และจะไม่ส่งผลให้เกิดการขาดดุลงบประมาณ
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายโดยรวมยังคงซบเซาเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในภาคการธนาคารของยุโรป หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า การทดสอบภาวะวิกฤติของธนาคารในยุโรปนั้น มีการประเมินความเสี่ยงของธนาคารบางแห่งต่ำเกินไปในเรื่องการถือครองพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงสูง
ขณะที่สมาคมธนาคารของเยอรมนีระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่อย่างน้อย 10 แห่งของเยอรมนีอาจต้องระดมทุนเพิ่มอีกราว 1.05 แสนล้านยูโร เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดของคณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS)
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงาน Beige Book หรือรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขตระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงชะลอตัวลงในหลายภูมิภาค
หุ้นแอปเปิลปิดพุ่งเกือบ 2% หลังจากนายเมย์นาร์ด อัม นักวิเคราะห์จากบริษัทยูบีเอส อินเวสต์เมนท์ รีเสิร์ช ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาหุ้นแอปเปิลขึ้นสู่ระดับ 350 ดอลลาร์ และคาดว่าแอปเปิลจะสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ iPad ได้มากกว่า 28 ล้านเครื่องในปี 2554 เนื่องจากดีมานด์ที่แข็งแกร่งทั่วโลก
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นเจพีมอร์แกนปิดพุ่ง 2.3% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทบีพี โดยหุ้นบีพีปิดบวก 3.2% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตันปิดบวก 37 เซนต์ แตะที่ 30.21 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ค.