นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)(KEST)มองว่า ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่เดือนต.ค.53 เป็นต้นไปจนถึงช่วงปลายปีนี้ ยังดีเป็นจังหวะที่ดีที่จะเข้ามาระดมทุน เนื่องจากบรรยากาศโดยรวมเมื่อเทียบกับปีก่อน ถือว่าตลาดค่อนข้างมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ การที่นายกรัฐมนตรี คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ถึง 7-8% ในปีนี้ ยิ่งเป็นข่าวดีที่สนับสนุนตลาดหุ้น ขณะที่ค่าเงินบาท มองว่าเป็นไปได้ที่ค่าเงินในเอเชียจะแข็งค่าขึ้นทั้งเงินหยวนและเงินบาท นักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนทั้งในตลาดเงินและตลาดหุ้นยังคาดหวังได้ และเชื่อว่าจะยังมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น รวมถึงประเทศไทยด้วย
แต่สิ่งที่จะเป็นปัญหาในตลาดหุ้นไทย คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังต้องจับตาในระยะต่อไป แต่สำหรับในภูมิภาคเชื่อว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เนื่องจากยังมีการเกินดุลการค้าค่อนข้างมาก ฐานะการเงินของรัฐบาลแข็งแกร่งกว่าในสหรัฐและยุโรป ซึ่งในสายตานักลงทุนต่างชาติยังมองตลาดเอเชีย รวมทั้งไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจมากกว่าตลาดในฝั่งตะวันตก
รวมทั้ง เมื่อเทียบไปในช่วงปี 95-96 ดัชนี SET ไหลลงมาจาก 1,700 จุด ลงมาที่ 1,000 กว่าจุด นั้นยอดการปล่อยสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ในระบบอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท แต่ขณะนี้อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาทต่ำกว่าในอดีมาก ทั้งๆ ที่ในอดีตมาร์เก็ตแคปของตลาดอยู่ที่ 3.5 ล้านล้านบาท แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 7 ล้านล้านบาท ดังนั้น จึงมองว่าไม่มีอะไรน่ากังวล และเงินในระบบยังมีอยู่
ส่วนเรื่องของอัตราดอกเบี้ย นายมนตรี กล่าวว่า เชื่อว่าไม่น่าจะปรับขึ้นได้มาก และเห็นด้วยกับ รมว.คลังที่บอกว่าดอกเบี้ยไทยก็ต้องมองดอกเบี้ยต่างประเทศด้วย อย่างสหรัฐฯ การขึ้นดอกเบี้ยคงจะยากเพราะอัตราการว่างงานยังสูงมาก จึงมองว่าโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยแรงๆ มีน้อย