นายอนันต์ เล้าหเรณู กรรมการ บมจ.ลานนารีซอร์สเซส(LANNA)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินกระแสข่าวที่ระบุว่า บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส(IVL)สนใจซื้อกิจการของบริษัท และเชื่อว่าเป็นไปได้ยาก เพราะผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ต้องการถือลงทุนในระยะยาว แต่ก็ขึ้นกับบมจ.ปูนนครหลวงไทย(SCCC)ที่ถือหุ้นใหญ่อยู่ 44.99% ขณะที่ทาง SCCC ก็ยังต้องการใช้ถ่านหินถึงปีละ 1-1.5 ล้านตัน
"คิดว่าซื้อได้หรือ...แต่ขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้นใหญ่"นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวว่า บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในการหาแหล่งถ่านหินใหม่เพิ่มขึ้น โดยในปีนี้คาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจาเข้าซื้อเหมืองใหม่ขนาดกลางในประเทศอินโดนีเซีย 1 แห่ง คาดว่าจะเข้าร่วมทุน แต่นโยบายบริษัทต้องถือหุ้นมากกว่า 51%
"เราเป็นบริษัทขนาดกลางมีเวลาในการหาเหมืองใหม่ตลอดเวลาน่าจะมีข้อสรุป 1 เหมืองก่อนเพราะคนต้องการพลังงานถ่านหินมากขึ้น แต่ก็ต้องดูว่าจะสำเร็จตรงไหน โดยจะดูที่เหมืองขนาดกลางไม่หวือหวามาก"นายอนันต์ กล่าว
สำหรับเม็ดเงินที่จะใช้ในการลงทุนเข้าซื้อเหมืองใหม่นั้นไม่น่ามีปัญหา เพราะหากดูจากงบการเงินแล้ว บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ปีละ 350 ล้านบาท ถึงแม้เงินสดจะเหลือไม่มาก แต่บริษัทก็ไม่มีภาระหนี้และมีส่วนผู้ถือหุ้นถึง 2,000 ล้านบาท บริษัทยังสามารถเปิดวงเงินกู้กับสถาบันการเงินได้อีกเท่าตัวประมาณ 4,000 ล้านบาท และทุกเหมืองที่เราเข้าไปถือหุ้นก็ให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งสามารถนำไปลงทุนในโครงการใหม่
"เรา make sure ถ้าซื้อเหมืองต่างประเทศนโยบายต้องถือเกิน 51%"นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวถึงผลประกอบการว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 8,000 ล้านบาทขึ้นไป เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 5,400 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายถ่านหินเพิ่มเป็น 2.5-3 ล้านตัน จากปีก่อนที่มีปริมาณขายราว 2 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม รายได้จะเป็นเท่าใดคงต้องขึ้นกับราคาขายถ่านหินด้วย ซึ่งหลังจากนี้ไปคาดว่าราคาถ่านหินมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นได้อีก ส่งผลดีต่อการขายในราคาตลาด(spot)ให้ปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าปี 54 ผลประกอบการน่าจะดีต่อเนื่อง
"เป้ารายได้ปีนี้ตั้งไว้สูงกว่าปีก่อน ตั้งที่ 8,000-10,000 ล้านบาท ปี 54 น่าจะดีกว่าปีนี้ ถ้าวอลุ่มสูงขึ้น ในส่วนของราคาถ่านหินมองว่าน่าจะดีตลอด"นายอนันต์ กล่าว
ทั้งนี้ ราคาถ่านหินปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่เฉลี่ย 80 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จากครึ่งปีแรกราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และแนวโน้มราคาก็น่าจะปรับสูงขึ้นได้อีก
ในแง่ของกำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงหรือสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อยง เนื่องจากครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิแล้วกว่า 400 ล้านบาท จากปีก่อนทั้งปีมีกำไรที่ 650 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรจากเอทานอล 200 ล้านบาท แต่ปีนี้เนื่องจากธุรกิจเอทานอลขาดทุน ดังนั้น กำไรส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจถ่านหิน แต่แนวโน้มครึ่งปีหลังคาดว่าปริมาณขายถ่านหินน่าจะต่ำกว่าครึ่งปีแรกเล็กน้อย เนื่องจากเป็นช่วงหน้าฝน และคาดการณ์ไม่ได้หากเกิดภัยธรรมชาติก็อาจกระทบกับการผลิตถ่านหินจากเหมืองเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้น
"ไตรมาส 1-2/53 เป็นไฮซีซั่นซึ่งเราก็เร่งขาย แต่โดยรวมกำไรสุทธิน่าจะสูงกว่าหรือใกล้เคียงปีก่อน ซึ่งขึ้นอยู่กับกำไรจากธุรกิจถ่านครึ่งปีหลังด้วย...ครึ่งปีหลังกำไรไม่น่าจะสูงกว่าครึ่งแรกเพราะมีฝนเยอะ อย่างปีก่อนเราก็ต้องปิดเหมืองไปบางส่วน"นายอนันต์ กล่าว
ส่วนการจ่ายเงินปันผลในปีนี้น่าจะมากกว่าปีก่อนตามแนวโน้มกำไรสุทธิ ซึ่งบริษัทกำหนดนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรสุทธิ ซึ่งที่ผ่านมาก็จ่าย 70-80% ปีนี้ไม่น่าจะต่ำกว่าปีที่แล้ว หากสามารถทำกำไรได้ดีกว่า
ล่าสุด ราคาหุ้น LANNA บวก 2.51% มาที่ 20.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 223.10 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.56 น.โดยเปิดตลาดที่ราคา 20.60 บาท ปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 20.60 บาท และต่ำสุดที่ 20.20 บาท