ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากสหรัฐ จีน และญี่ปุ่น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 47.53 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 10,462.77 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 5.37 จุด หรือ 0.49% ปิดที่ 1,109.55 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 6.28 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 2,242.48 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 755 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของ 3 ประเทศยักษ์ใหญ่ของโลก โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจภาคค้าส่งได้ปรับสต็อกสินค้าในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.3% จากเดือนมิ.ย. หรือเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งการปรับเพิ่มสต็อกสินค้าในภาคธุรกิจค้าส่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ส่วนยอดขายในภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนมิ.ย. หรือพุ่งขึ้น 12.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี
สำนักงานศุลกากรของจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนทะยานขึ้น 34.4% ต่อปี สู่ระดับ 1.393 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 35.2% ต่อปี สู่ระดับ 1.1927 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเดือนก.ค.ที่ขยายตัวเพียง 12.5%
นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังได้ปรับเพิ่มการประเมินอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นครั้งล่าสุด โดยระบุว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ปีนี้ขยายตัว 1.5% เพิ่มขึ้นจากการประเมินในเดือนก่อนที่ขยายตัวเพียง 0.4% เนื่องจากอัตราการใช้จ่ายด้านทุนในภาคเอกชนขยายตัวได้ดีถึง 1.5% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับการประเมินครั้งแรกว่าขยายตัวเพียง 0.5%
อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายในตลาดยังคงบางเบา เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการธนาคารของยุโรป ซึ่งความกังวลดังกล่าวส่งผลให้ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ในการทดสอบภาวะวิกฤติของธนาคารยุโรปเมื่อไม่นานมานี้นั้น มีการประเมินความเสี่ยงของธนาคารบางแห่งต่ำเกินไปในเรื่องการถือครองพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงสูง
ขณะที่สมาคมธนาคารของเยอรมนีระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่อย่างน้อย 10 แห่งของเยอรมนีอาจต้องระดมทุนเพิ่มอีกราว 1.05 แสนล้านยูโร เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดของคณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS)
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาด NYMEX หลังจากมีรายงานว่าท่อส่งที่ลำเลียงน้ำมันไปยังโรงกลั่นในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐได้ปิดทำการลง โดยหุ้นเชฟรอนปิดพุ่ง 1.46% และหุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ปิดบวก 78 เซนต์ แตะที่ 59.31 ดอลลาร์