UAC เก็งขาย IPO ให้ส่วนลด 15-20% จากเป้า 4.84 บ.,คาดขาย 30 ก.ย.-1 ต.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 13, 2010 14:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

แหล่งข่าวใกล้ชิด บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทจำนวน 30 ล้านหุ้นช่วงวันที่ 30 ก.ย.-1 ต.ค.นี้ โดยทั่วไปก็จะตั้งราคาที่ให้ส่วนลด(Discount)ประมาณ 15-20% ซึ่งจากบทวิเคราะห์ฯ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ในฐานะแกนนำผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น UAC ได้ประเมินราคาหุ้น UAC ตามปัจจัยพื้นฐานไว้ที่ 4.84 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าจะเซ็นสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นอย่างเป็นทางการราววันที่ 24 ก.ย.นี้ โดยจะมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายประมาณ 2-3 บริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และ คาดว่าจะนำหุ้น UAC เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)ในช่วงกลางเดือนต.ค.

ด้านบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) (KEST) ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ประเมินมูลค่าหุ้น UAC โดยการคำนวณ 2 วิธี ได้แก่ วิธีคิดลดกระแสเงินสดสำหรับกิจการ (DCF) และวิธี P/E

จากวิธีคิดลดกระแสเงินสดเราจะได้ราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ 5.00 บาท อ้างอิงอัตราส่วนคิดลด (WACC) ที่ 9.32%, ค่าเบต้า ที่ 0.75 , terminal growth ที่ 3% และบนสมมติฐานว่า BBF เริ่มจ่ายเงินปันผลในปี 54 ในอัตรา 50% ของกำไรสุทธิ

ขณะที่วิธี PER จะได้ราคาที่เหมาะสมที่ 4.84 บาท โดยอิง PER เป้าหมายปี 54 อย่างอนุรักษ์นิยมที่ 8 เท่า ซึ่งเป็นระดับเดียวกับบริษัทที่ทำธุรกิจคล้ายกันอย่าง WG(ตัวแทนธุรกิจ Trading) และหุ้นกลุ่มโรงกลั่น (ตัวแทนธุรกิจผลิตไบโอดีเซล)

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการประเมินด้วยวิธี PER เหมาะสมที่จะสะท้อนผลประกอบการของบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ และปีหน้าจากแรงหนุนธุรกิจไบโอดีเซล ดังนั้นจะได้ราคาที่เหมาะสมของบริษัทอยู่ที่ 4.84 บาท

สำหรับผลกำไรของบริษัทในปี 53 มีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งถึง 121% yoy มาเป็น 84 ล้านบาท (หรือ 0.56 บาทต่อหุ้น) จากส่วนแบ่งกำไรในธุรกิจผลิตไบโอดีเซลที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 30% คาดว่าจะสูงถึง 41.8 ล้านบาทในปีนี้ ขณะที่กำไรจากธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมโรงกลั่น และปิโตรเคมีคาดว่าจะเติบโต 5% yoy เป็น 42.2 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน คาดว่ากำไรในปี 54 ของบริษัทจะเติบโตราว 8.1% yoy เป็น 91 ล้านบาท (หรือ 0.61 บาทต่อหุ้น) และคิดเป็น ROE ที่สูงกว่า 27% จากส่วนแบ่งกำไรของบริษัท บางจากไบโอฟูเอล(BBF) ที่คาดว่าจะเติบโต 16% yoy เป็น 48 ล้านบาท จากอุปสงค์ต่อไบโอดีเซลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของภาครัฐ ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของ BBF เพิ่มขึ้นเป็น 80% ขณะที่กำไรจากธุรกิจหลักคาดว่าจะขยายตัวราว 1.6% yoy เป็น 42.8 ล้านบาท

โอกาสในการเติบโตของธุรกิจหลักในอนาคตจะอิงอยู่กับคำสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งล่าสุดศาลปกครองได้มีคำสั่งเพิกถอนระงับชั่วคราวโครงการที่ไม่อยูในประเภทกิจการรุนแรงแล้ว ซึ่งถือเป็นข่าวดี ขณะที่ความสำเร็จในการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากการเป็นเพียงผู้จัดจำหน่าย (Trading company) มาเป็นผู้ให้บริการ และช่วยแก้ปัญหาแก่ลูกค้า (Service company) จะช่วยเพิ่มยอดขาย และอัตรากำไรของบริษัทในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ