นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)ยอมรับว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 3/53 อย่างแน่นอน แต่ผลกระทบที่มีคงไม่มากนัก เพราะในช่วงที่ผ่านมาราคาผลิตภัณฑ์ปิโตเคมีปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก เป็นไปตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งราคากระดาษในตลาดโลกก็ปรับตัวสูงขึ้นด่วย ซึ่งถือว่าช่วยชดเชยผลกระทบจากค่าเงินบาทได้ในระดับหนึ่ง
"กำไรไตรมาส 3 คงได้รับกระทบแน่นอนเพราะเงินบาทที่แข็งค่า เงินบาทแข็งค่าทุก 1 บาทกระทบกำไร 700 ล้านบาทต่อปี แต่ครั้งนี้คงไม่มาก เพราะการที่ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลกและราคาน้ำมัน สเปดของแนฟทาและ HDPE ตอนนี้อยู่ที่ 400 เหรียญสหรัฐ ขณะที่เดือนที่แล้วอยู่ที่ 380-390 เหรียญสหรัฐ ก็น่าจะหักล้างได้ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่กังวล"นายกานต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะสามารถดูแลปัญหาเงินบาท แต่หากเทียบกับภูมิภาคเงินบาทแข็งค่ากว่าเล็กน้อย และบริษัทคงไม่มีการปรับแผนธุรกิจ แต่จะดำเนินการด้วยลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้ามากขึ้น รวมทั้งยังคงเพิ่มการส่งออกในสัดส่วน 30% จากปัจจุบัน 28-29% เนื่องจากดีมาด์ในประเทศมีน้อยและยังจำกัด
ส่วนโครงการโรงแครกเกอร์แห่ง 2 ที่มาบตาพุด คาดว่าจะสามารถผลิตได้ 100% กลางปีหน้าจากปัจจุบันผลิตที่ 80% ของกำลังผลิต