หุ้น TASCO ราคาวิ่งขึ้น 4.44% มาอยู่ที่ 64.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 53.94 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.01 น. โดยเปิดตลาดที่ 64.75 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 65.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 64.50 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO)รับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 และโครงการต่างๆ ยังช่วยหนุน มองแนวโน้มในปี 53—55 จะเป็นวัฏจักรขาขึ้นของ TASCO รอบใหญ่ ได้แรงหนุนจากการมีโรงกลั่นยางมะตอยเป็นของตัวเอง ทำให้กำไรพุ่งขึ้นเป็น 1,000-1,400 ล้านบาท พร้อมปรับราคาเป้าหมายปีหน้าขึ้นเป็น 85 บาท
TASCO ได้แรงหนุนจากความต้องการยางมะตอยในประเทศ คือ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 จากข้อมูลในเวบไซต์ของสำนักงบประมาณมีงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวกับการสร้างถนน คือ กรมทางหลวง และ กรมทางหลวงชนบท รวมกันเท่ากับ 68,213 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 45.7%
นอกจากนี้ กรมทางหลวงยังมีโครงการมอเตอร์เวย์ อีก 10 สาย รวมระยะทาง 778 กิโลเมตร งบประมาณทั้งหมด 158,310 ล้านบาทในระยะเวลา 6 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลและเอกชน ปกติแล้วการสร้างถนนใหม่จะใช้ยางมะตอยประมาณ 28 ตัน/กม./เลน แต่ถนนมอเตอร์เวย์จะใช้ความหนาของยางมะตอยมากกว่าถนนปกติทั่วไป 2 เท่า หรือ เท่ากับ 53.4 ตัน/กม./เลน
ดังนั้น โครงการมอเตอร์เวย์ระยะทาง 778 กิโลเมตร ประเมินว่าจะใช้ยางมะตอยรวมเท่ากับ 249,271 ตัน(778 กม.*6 เลน*53.4 ยางมะตอย)หรือ คิดเป็นเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 41,545 ตัน เทียบกับปริมาณขายในประเทศของ TASCO ในปีก่อนเท่ากับ 320,120 ตัน
แนวโน้มในปี 54-55 ปริมาณขายจะยังโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะยังได้แรงหนุนจากโรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซีย ซึ่งจะส่งออกไปประเทศหลักๆอย่าง จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย และ ออสเตรเลีย ที่ยังมีความต้องการยางมะตอยในการสร้างถนนเป็นจำนวนมาก ทำให้ปัจจุบัน TASCO มีผลิตภัณฑ์ที่ไม่พอขาย เช่น ตลาดอินเดียก็ติดต่อเข้ามา รวมถึงมีผู้ถือหุ้น คือ Colas S.A. ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยางมะตอยชั้นนำของโลกเป็นช่องทางจำหน่าย
นอกจากนี้การที่โรงกลั่นยางมะตอยมีการผลิตเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีช่องทางในการหาวัตถุดิบน้ำมันดิบหนักได้มากขึ้น โดยปีหน้า TASCO ตั้งเป้าจะกลั่นน้ำมันดิบหนัก 7.2 ล้านบาร์เรล จากปีนี้ 6.7 ล้านบาร์เรล และจะเพิ่มเป็น 9 ล้านบาร์เรลในปี 55 ปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอีก โดยปี 54 ประเมินกำไร 1,233 ล้านบาท(กำไรต่อหุ้น 8.08 บาท)เพิ่มขึ้นจากปีนี้ 16%