นายแมทธิว กิจโอธาน กรรมการผู้จัดการคนใหม่ บมจ.โออิชิ กรุ๊ป(OISHI)ที่เข้ามารับหน้าที่แทนนายตัน ภาสกรนที ประกาศเป้าหมายขยายธุรกิจให้เติบโตทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก โดยอาศัยช่องทางของไทยเบฟเวอเรจเข้ามาเสริม คาดรายได้ปีนี้มีโอกาสลุ้นเข้าใกล้ 1 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมาย 8.4 พันล้านบาท และในปี 54 ผลักดันยอดขายทะลุ 1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตได้มากกว่า 30% ในแต่ละปี
"อย่าคิดว่าหมื่นล้านพอแล้ว ต้องคิดว่าสิ่งที่คุณตันกับคุณอิง(ภรรยา)สร้างเอาไว้จะต้องไปให้ไกลกว่านี้ รวมทั้งตลาดต่างประเทศด้วย หน้าที่ของผมคือทำอย่างไรให้บริษัทโตมากกว่านี้ segment ใหม่ที่ยังไม่ได้เข้าก็จะต้องเข้าไป ทำยอดขายตลาดต่างประเทศให้โต เตรียมความพร้อมองค์กรให้ขยายใหญ่ขึ้น"นายแมทธิว กล่าว
บริษัทคาดว่ายอดขายในช่วงไตรมาส 4/53 จะเข้าสู่ไฮซีซั่นตามปกติทั้งกลุ่มเครื่องดื่มชาเขียวและอาหาร โดยมั่นใจในทีมขายของโออิชิ เนื่องจากยอดขายในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาเป็นไปได้ด้วยดี ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง จึงเชื่อว่าคิดว่าทั้งปีน่าจะดีต่อเนื่อง
ในช่วงไตรมาส 4/53 กำลังการผลิตสายเครื่องดื่มของบริษัทจะมีศักยภาพมากขึ้น เนื่องจากจะมีระบบการผลิตด้วยเทคโนโลยีการบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อเริ่มดำเนินการได้ในเดือน พ.ย.นี้ ระบบดังกล่าวนอกจากจะผลิตชาเขียวพร้อมดื่มแล้ว ยังสามารถผลิตเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้หลากหลาย เช่น เครื่องดื่มผสมนม เครื่องดื่มธัญพืช และ เครื่องดื่มน้ำผลไม้ ทุกผลิตภัณฑ์ยังคงคุณค่าทางอาหารที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรบเทรนด์การบริโภคในปัจจุบัน ซึ่งเครื่องดื่มกลุ่มชาเขียวและสินค้าเพื่อสุขภาพมีการเติบโตในระดับโลก
ส่วนธุรกิจอาหารมีร้านในเครือ 11 แบรนด์ครอบคลุมเกือบทุกกลุ่มลูกค้า ดังนั้นอาจมีการปรับทิศทางการตลาดของแต่ละแบรนด์ให้โฟกัสกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ และให้ความสำคัญที่คุณภาพสินค้าและบริการ เพื่อเตรียมก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกต่อไป
"ปกติการเติบโตของยอดขายของโออิชิประมาณ 30% ทุกปี เมื่อเข้ามาก็หวังว่าจะโตเกินกว่า 30% เนื่องจากตลาดเครื่องดื่มยังไม่ได้เข้าไปทุก segment ที่ผ่านมาร้านอาหารของโออิชิจะเน้นมื้อกลางวันและเย็น แต่จะพยายามให้ทุกมื้อทุกคนจะต้องนึกถึงโออิชิ"นายแมพธิว กล่าว
นายแมทธิว กล่าวว่า บริษัทเตรียมสร้างแบรนด์ระดับโลกโดยอาศัยช่องทางที่มีประสิทธิภาพของกลุ่มไทยเบฟเวอร์เรจมาช่วยจัดวางระบบ โดยเน้นสินค้าที่สร้างความแปลกใหม่และยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นญี่ปุ่น และสร้างความแตกต่างออกสู่ตลาด ปัจจุบันตลาดส่งออกของโออิชิอยู่ที่ 4% ของยอดขาย แต่ในอนาคตจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปกติธุรกิจที่ส่งสินค้าไปขายต่างประเทศจะมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกประมาณ 30%
"ไทยเบฟมีออฟิศที่ต่างประเทศอยู่แล้วทั้งสหรัฐและยุโรป ถ้าเรามีสินค้าพร้อมไปลงก็สารถขยายการตลาดได้เลย ที่ผ่านมาโออิชิได้ขยายโรงงานเพื่อรองรับกการส่งออกแล้ว ขณะที่ตลาดในประเทศก็ยังสามารถเติบโตได้อีก ยังไม่อิ่มตัว"นายแมทธิว กล่าว
กรรมการผู้จัดการ OISHI ยังกล่าวว่า โออิชิมีความชัดเจนว่าเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น โดยครองตลาด 60-70% ในตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม ซึ่งบริษัทจะพยายามนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด และขณะนี้ยังไม่มีนโยบายขึ้นราคาสินค้า
ด้านนายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ กล่าวว่า ไทยเบฟฯให้การสนับสนุนในการเสริมศักยภาพของโออิชิโดยเฉพาะในแง่ช่องทางจำหน่าย เพื่อทำให้ยอดขายโตเกิน 30% ต่อปี ซึ่งไทยเบฟเป็นผู้กระจายสินค้าที่มีโครงสร้างแข็งแกร่ง
ขณะนี้มีหลายประเทศสนใจสินค้าของโออิชิอยู่แล้วการสร้างโรงงานใหม่ก็เพื่อรองรับตลาดต่างประเทศ และเครื่องดื่มชาเขียวยังเป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่ จึงสามารถเติมเต็มโอกาสของโออิชิในต่างประเทศ โดยช่องทางจำหน่ายไทยเบฟฯ มีทั้งในสหรัฐ อังกฤษ สก็อตแลนด์ ฮ่องกง จีน และสิงคโปร์ ซึ่งภายในปีหน้าแผนส่งออกจะมีความชัดเจนมากขึ้น จากปัจจุบันจำหน่ายอยู่แถวประเทศเพื่อนบ้าน
"ทิศทางในอนาคตของโออิชิขึ้นกับโอกาสและความพร้อม ส่วนเครื่องดื่มน้ำดำ คงไม่เข้าไปทำ เพราะมีความชำนาญและถนัดชาเขียว"นายฐาปน กล่าว