นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรกมารผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากกาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ในงวดปี 53 (สิ้นสุด ก.ย.)คาดว่าบริษัทยังจะมีกำไรสุทธิ แม้ว่างวดไตรมาส 3/53 และงวดไตรมาส 4/53 จะมีผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนใกล้เคียงกันประมาณ 700-800 ล้านบาท แต่งวดครึ่งปีแรกบริษัทมีผลกำไรสุทธิ 2.5-2.6 พันล้านบาท ดังนั้นทั้งปีก็ยังคงเป็นบวก
และในงวดปี 53 ยอดจำนวนผู้โดยสารเติบโต 20% เป็น 42-43 ล้านคน และในงวดปี 54 คาดว่าจะเติบโต 6-7% มาอยู่ที่ 45 ล้านคน
"งวดไตรมาส 1/54(ต.ค.-ธ.ค.53) บริษัทน่าจะกลับมาดีขึ้น เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น มีการเดินทางมากขึ้น แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาค่าเงินบาทจะแข็งค่าทำให้มีการชะลอตัวบ้าง แต่เชื่อว่า Growth ผู้โดยสารโตได้ 6-7% ในไตรมาส 1/54 และทั้งปีก็เชื่อว่า จะยังอยู่ในระดับนี้ได้"นายเสรีรัตน์ กล่าว
สำหรับค่าเงินเยนที่แข็งค่าส่งผลต่องบการเงินของบริษัท เนื่องจากมีเงินกู้สกุลเยน 25% ของเงินกู้รวมทั้งสิ้น 7.5 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้สกุลดอลลาร์ ฉะนั้น การที่เงินเยนแข็งค่ามากจึงส่งผลกระทบต่องบการเงินบริษัทต่อเนื่อง บริษัทจึงมีแผนสวอปเงินกู้สกุลเยนไปเป็นเงินกู้สกุลดอลลาร์ แต่ต้องหาจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม และเชื่อว่าแนวโน้มเงินเยนจะแข็งค่าต่อไปอีก
อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้บริษัทไม่มีความจำเป็นใช้เงินลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ แต่จะมีการลงทุนขนาดใหญ่ในปี 57-58 ส่วนในปี 54 บริษัททยอยลงทุนขยายท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งใช้เงินลงทุนจำนวนไม่มาก โดยทั้งโครงการใช้งบประมาณ 5,790 ล้านบาท
สำหรับกรณีคณะกรรมการบริษัท ไม่อนุมัติให้ บริษัท แป้งร่ำ รีเทล จำกัด ได้รับสัมปทานในโครงการสุวรรณภูมิสแควร์ เพราะไม่มีการประมูลนั้น นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า ได้ยื่นขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าวแล้ว แต่ทางคณะกรรมการบริษัทไม่อนุมัติ เนื่องจากเห็นว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นโดยความไม่รู้ อย่างไรก็ตาม ตนก็จะอยู่ตำแหน่งจนครบวาระในเดือน เม.ย. 54
"โดยส่วนตัวผมก็พร้อมรับผิดชอบและขอลาออก แต่บอร์ดเห็นว่าเราไม่ได้โกง ซึ่งก็พร้อมจะสู้และไม่ถอนใจ และทั้งผู้ใหญ่ก็ยังให้ทำงานต่อไป แต่ถ้าจะมีการปลดพี่ พี่ก็พร้อมรับ"นายเสรีรัตน์ กล่าว