นายสุรพล ชวัญใจธัญญา รองประธานกรรมการบริหาร บล.คันทรี กรุ๊ป (CGS) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4/53 จะมีลูกค้าสถาบันต่างประเทศรายใหญ่จำนวน 3 รายเข้ามาส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่าน CGS ซึ่งขณะนี้ระหว่างทดสอบระบบ
ทั้งนี้ หากได้ลูกค้าทั้ง 3 รายเพิ่มเข้ามา ก็จะทำให้สัดส่วนลูกค้าสถาบันของบริษัทเพิ่มเป็น 10% จาก 3% ในปัจจุบัน และจะทำให้ส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 7-8% จากขณะนี้อยู่ที่ 6% หรือเป็นอันดับสองรองจาก บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)(KEST)
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นมาก ตามมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ช่วง ก.ค.-ก.ย.53 ปรับเพิ่มขึ้นมามาก โดยในส่วนบริษืทมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มเป็น 4 พันล้านบาท/วัน จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2 พันล้านบาท/วัน และคาดทั้งปี 53 กำไรสุทธิจะดีกว่าปีก่อน
และจากที่บริษัทมีจำนวนสาขามากถึง 50 สาขา มากที่สุดในบรรดาโบรกเกอร์ และมีฐานเงินทุน 2.6 พันล้านบาท ทำให้สามารถรองรับวอลุ่มการซื้อขายสูงได้คล่องตัว และในไตรมาส 4/53 บริษัทจะเริ่มทำธุรกิจยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL)ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มเข้ามาด้วย
ส่วนงานด้านวาณิชธนกิจ นายสุรพล กล่าวว่า ขณะนี้มีอยู่ในมือ 8-9 ดีล เป็นดีลเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 5-6 ดีล ส่วนที่เหลือเป็นงานที่ปรึกษา โดยคาดว่าจะนำหุ้น IPO เข้าตลาด 2-3 รายในตลาด mai ภายในปีนี้
นายสุรพล กล่าวถึงกรณีนายบี เตชะอุบล ลาออกจากตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการบริหาร และกรรมการของบริษัท ไม่มีผลกระทบการดำนินการของบริษัทแต่อย่างใด เพราะบริษัทมีทีมผู้บริหารแข็งแกร่งอยู่แล้ว