ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 46.24 จุด ขานรับผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐขยายตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 16, 2010 06:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากทางการญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 46.24 จุด หรือ 0.44% แตะที่ 10,572.73 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 3.97 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 1,125.07 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 11.55 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 2,301.32 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่เพียง 900 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 1.1 ต่อ 1

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐขยายตัว 0.2% ในเดือนส.ค.ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ เพราะได้แรงหนุนจากยอดการผลิตรถยนต์ที่ปรับตัวขึ้นเกินความคาดหมาย และหากไม่นับรวมยอดการผลิตรถยนต์พบว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ขยายตัว 0.4%

ข้อมูลของเฟดระบุว่า ผลผลิตในอุตสาหกรรมเหมืองแร่พุ่งขึ้น 1.2% ขณะที่ผลผลิตด้านสาธารณูปโภคลดลง 1.5% ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 74.7% สูงกว่าระดับเฉลี่ยของปีที่แล้วอยู่ประมาณ 4.7%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศเมื่อวานนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมี.ค.2547 ที่ทางการญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยการแทรกแซงตลาดด้วยการเทขายสกุลเงินเยนและเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐ มีขึ้นหลังจากเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีที่ระดับประมาณ 82.90 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าเงินเยนที่แข็งค่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทส่งออกของญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงซบเซา ท่ามกลางวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากนักลงทุนบางกลุ่มยังไม่มั่นใจในทิศทางของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อเฟดสาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.ย.ชะลอตัวลงสู่ระดับ 4.14 จุด สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น

หุ้นมาสเตอร์การด์ ปิดบวก 5.2% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าผลกำไรในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% ขณะที่หุ้นคราฟท์ ฟู๊ดส์ อิงค์ ปิดบวก 53 เซนต์ แตะที่ 31.58 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ากำไรในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นประมาณ 9-11% เนื่องจากยอดขายในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ฟื้นตัวขึ้น

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. และเฟดจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนก.ย. ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ