นายประสาน อัครพงศ์พิศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โลหะกิจ เม็ททอล(LHK)คาดว่า ส่วนแบ่งการตลาดของ บริษัท โอโต้เม็ททอล(AMT)ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ในปี 54 หลังจาก Mory Industries Inc.จากญี่ปุ่นได้เข้าร่วมทุน 40%
เนื่องจากขณะนี้มีกลุ่มลูกค้ายานยนต์ที่ตั้งโรงงานอยู่ในประเทศไทยและรายที่กำลังจะมาตั้งโรงงานในประเทศไทยเริ่มติดต่อผ่าน Mory Industries Inc.มาบ้างแล้ว โดยเฉพาะการส่งท่อสแตนเลสให้กับสายการประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซด์รุ่นใหม่ๆที่จะออกสู่ตลาดโลกในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ประกอบกับ แนวโน้มธุรกิจท่อเสแตนเลสทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซด์ยงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์
"เชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจของ LHK นับจากนี้เป็นต้นไป จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเปิดประตูไปสู่ธุรกิจสแตนเลสสตีลครบวงจรทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ รวมทั้งมีโอกาสที่จะขยายตลาดใหม่ๆไปยังภูมิภาคเอเชียและอื่นๆมากขึ้น" นายประสาน กล่าว
ทั้งนี้ ในงวดปี 53/54 (สิ้นสุด มี.ค.54) บริษัทคงเป้ารายได้รวมที่ 2.4 พันล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2 พันล้านบาท โดยคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นจากธุรกิจยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
นายประสาน คาดว่ารายได้ในงวดไตรมาส 2 ปี 53/54 (ก.ค.-ก.ย.53) จะดีกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมาราว 10% แต่เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนรายได้จะเติบโตสูงกว่า 10% จากการขยายชิ้นส่วนยายยนต์ และ เครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ในเดือนก.ย.นี่ยังต้องระมัดระวังเรื่องการชุมนุมทางการเมือง
ส่วนในไตรมาส 3 ปี 53/54 (ต.ค.-ธ.ค.53) บริษัทจะบันทึกกำไรจากการขายหุ้น AMT จำนวน 2.7 ล้านบาท ทั้งนี้ กำไรสุทธิทั้งปี 54 น่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่มี 101 ล้านบาท เพราะปีนี้มีการะจ่ายภาษีเงินได้
กรณีเงินบาทแข็งค่า นายประสาน กล่าววา บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เพราะบริษัทส่งออกต่ำกว่า 3% ขณะที่บริษัทนำเข้าวัตถุดิบ 50% อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ราคาวัตถุดิบสแตนเลส ทรงตัวในขาขึ้นที่ประมาณ 100-150 บาท/กก.เนื่องจากซัพพลายมากกว่าดีมานด์
"ถ้าเงินบาทผันผวน เราก็ไม่ได้รับผลกระทบ แต่ก็เป็นความเสี่ยง แต่เราก็มีวิธีการจัดการหลายอย่าง ทั้ง heaging คุยกับลูกค้า และหาจังหวะส่งออกในตลาด หรืออาจระดมซื้อของนำเข้ามาในช่วงนี้ " นายประสานกล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนอนาคตขยายธุรกิจไปในเวียดนาม และจีน โดยกำลังหาพันธมิตรที่ไว้ใจได้ โดยเฉพาะจีน น่าสนใจ หลังจากที่ประสบความเสำเร็จในการเข้าร่วมุนพันธมิตรอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะ 1-3 เดือนจะเริ่มเปิดดำเนินการ ส่วนการเข้าเทคโอเวอร์บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศ ระหว่างนี้ยังดำเนินการอยู้ ยังไม่ได้มีข้อสรุปใดๆ