นายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์(LH)เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้ออกไปโรดโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างมาก และก็เชื่อว่าเป็นประเด็นที่ทำให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาซื้อขายหุ้นของ LH รวมถึงบริษัทในเครืออย่างคึกคักในขณะนี้
ประกอบกับ การที่บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ค่อนข้างมากในครึ่งปีหลังถึง 14 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นกว่าล้านบาทเทียบกับครึ่งปีแรกที่เปิดเพียง 5 โครงการ จากทั้งปี 19 โครงการ รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยทั้ง 14 โครงการจะรับรู้รายได้ภายในปี 54-55
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการขยายฐานลูกค้าที่หลายหลายมากขึ้นด้วยการเพิ่มสินค้าระดับกลาง-ล่างทั้งทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียม ขณะที่บ้านเดี่ยวก็ยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัท เชื่อว่าจากการขยายตลาดดังกล่าวจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ และมาร์เก็ตแชร์จากทั้งทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมีเนียม จะเพิ่มขึ้นอย่างเป็นนัยในปี 54 สอดคล้องกับแผนงานที่บริษัทได้เพิ่มงบในการซื้อที่ดินเป็น 7 พันล้านบาท จากเดิม 6 พันล้านบาทในปีนี้เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการปีหน้า
ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะโดดเด่นทั้งด้านการรับรู้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะไตรมาส 4/53 จะดีที่สุดของปีนี้ เพราะเราจะรับรู้รายได้โครงการ The room สุขุมวิท 62 ประมาณ 1,500 ล้านบาท และการเปิดใหม่อีก 6 โครงการในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลต่อมาร์เก็ตแชร์ในส่วนคอนโดฯ เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันไม่ถึง 1% ขณะที่มาร์เก็ตแชร์ในส่วนบบ้านเดี่ยวยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 20%
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยดังกล่าวมองว่าในปี 54 มูลค่าโครงการจะมากกว่าปีนี้ที่ 3 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งเป็นการรองรับสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นของบริษัท ซึ่งก็จะส่งผลต่อการรับรู้รายได้และกำไรสุทธิในปี 54 ปรับเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะจากทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียม
นายอดิศร กล่าวต่อว่า ไม่กังวลในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพราะการที่บริษัทมีสินค้าที่หลากหลายสามารถกระจายความเสี่ยงที่เกิดขึ้น รวมทั้งความต้องการที่แตกต่างกัน ขณะที่การแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท ส่งผลดีทำให้ต้นทุนในการก่อสร้างลดลง