ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐที่ปรับตัวลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 22.10 จุด หรือ 0.21% แตะที่ 10,594.83 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 0.41 จุดหรือ 0.04% ปิดที่ 1,124.66 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.93 จุด หรือ 0.08% ปิดที่ 2,303.25 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 6.5 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 3
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 3,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 450,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน โดยจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงไปแล้วประมาณ 11% นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการเลย์ออฟพนักงานของภาคเอกชนในสหรัฐเริ่มลดน้อยลง แม้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่ช้าลงนับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ตาม
อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงซบเซาเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ค่อนข้างผันผวน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค.พุ่งขึ้น 0.4% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากต้นทุนพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวช้า
ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกดดันมากขึ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียระบุว่า ดัชนีกิจการการผลิตในเขตฟิลาเดลอยู่ที่ระดับ -0.7 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.ที่ระดับ -7.7 จุด แต่ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตในฟิลาเดลเฟียยังคงหดตัวลง นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ พุ่งขึ้นเป็น 1.233 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 ไตรมาส
นอกเหนือจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนแล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากการที่บริษัทเฟดเอ็กซ์ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปีนี้ และประกาศว่าอาจจะลดการจ้างงานลง 1,700 ตำแหน่งเพื่อลดต้นทุน ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นเฟดเอ็กซ์ดิ่งลง 3.7% และยังฉุดหุ้นยูพีเอส อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งปิดร่วง 94 เซนต์ แตะที่ 66.72 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.