นายสมชัย ว่องอรุณ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สตาร์ ซานิทารีแวร์(STAR)ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าสุขภัณฑ์ เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ เตรียมส่งสินค้าสุขภัณฑ์รุ่นใหม่ประมาณ 10 รุ่น ลงจัดจำหน่ายพร้อมกันทั้งตลาดในประเทศและส่งออกสู่ต่างประเทศ วางตำแหน่งเป็นสินค้าระดับกลางบน ซึ่งการส่งออกสินค้ารุ่นใหม่นี้บริษัทฯ สามารถกำหนดราคาขายให้สูงขึ้นได้ ทำให้สามารถชดเชยรายได้ที่หายไปจากการแข็งค่าของเงินบาทได้
"บริษัทฯ ได้เตรียมงบประมาณอีกจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อใช้ส่งเสริมการขายและจัดโปรโมชั่นต่างๆ กระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งการโรดโชว์ เพื่อพบกับลูกค้าโดยตรงมากขึ้น และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับร้านค้าโมเดิร์นเทรด อาทิ บุญถาวร และโฮมโปร
ในขณะที่ตลาดต่างประเทศยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าไปยังตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ และอินเดียต่อเนื่อง รวมทั้งรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพ ในขณะที่ลูกค้าจากประเทศดังกล่าวกับมีความสนใจสินค้าสุขภัณฑ์ของ STAR เป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งคาดว่าเร็วๆ นี้คงมีความชัดเจน และรัสเซียจะถือเป็นตลาดใหม่ล่าสุดของ STAR ในขณะนี้
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ในปีหน้าบริษัทฯ เตรียมนำสินค้าสุขภัณฑ์ไปร่วมออกบูธในงานมหกรรมสุขภัณฑ์โลกที่ประเทศเยอรมนีด้วย โดยงานดังกล่าวจะจัดเป็นประจำทุก 2 ปี และการเข้าร่วมงานทุกครั้งจะทำให้ลูกค้ารู้จักสินค้าของ STAR มากขึ้นและเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา
สำหรับการแข็งค่าของเงินบาท ในฐานะที่บริษัทฯ มีสัดส่วนส่งออกอยู่ที่ 65-70% ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวมีผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากหลังจากที่บริษัทฯ ส่งสินค้าสุขภัณฑ์รุ่นใหม่ลงวางตลาดและสามารถปรับราคาให้สอดคล้องกับค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น ก็จะช่วยชดเชยรายได้ที่หายไปจากการแข็งค่าของเงินบาทได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้แล้วเป็นเวลา 6 เดือนตั้งแต่ที่ลูกค้าเริ่มส่งคำสั่งซื้อสินค้า นอกจากนั้นที่ผ่านมายังได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อบรรเทาปัญหาเรื่องผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทด้วย โดยเบื้องต้นคาดว่า ธปท.อาจจะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวด้วย
ดังนั้น ในปีนี้แม้จะมีปัญหาเรื่องเงินบาทแข็งค่า แต่มั่นใจว่า STAR จะสามารถขยายธุรกิจให้เติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยยังคงเป้าหมายรายได้ขยายตัว 10-15% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทำได้ 206.42 ล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มออกมาดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ประกอบกับไตรมาส 4/53 ยังมีสินค้าสุขภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ลงสู่ตลาด ช่วยกระตุ้นความสนใจของลูกค้า และมีการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย