นายธีระศักดิ์ ประสิทธิ์รัตนพร รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ธีระมงคล อุตสาหกรรม (TMI) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าอินเดีย 2-3 ราย หลังจากที่บริษัทได้เข้าไปจัดการแสดงสินค้า (โรดโชว์) ในประเทศอินเดีย ขณะที่คาดว่าจะมีลูกค้ารายใหญ่สั่งซื้อสินค้า (ออร์เดอร์) เฉลี่ย 3 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน
“เราน่าจะมีโอกาสที่จะได้ลูกค้าใหม่ที่เป็นรายใหญ่ ซึ่งเค้าจะซื้อตกเฉลี่ย 3 ตู้คอนเทนเนอร์ แต่คาดว่ารายใหญ่อาจจะยังไม่เห็นในปีนี้ แต่รายเล็กน่าจะได้หลายรายอยู่ เพราะเท่าที่คุยก็มีสนใจเยอะ"นายธีระศักดิ์ กล่าว
นายธีระศักดิ์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงในการเปิดตลาดในทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย อินเดีย และปากีสถาน ที่จะมีการสั่งออร์เดอร์เพิ่มมากขึ้น โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นประเทศอินเดียที่จะมีการสั่งออร์เดอร์เข้ามาเป็นล็อตแรกในช่วงเวลาอันใกล้นี้
สำหรับการไปโรดโชว์ในประเทศอินเดียมองว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และน่าจะมีตัวแทนจำหน่ายให้กับบริษัทได้หลายราย เพราะมีช่องทางในการทำตลาดอีกมาก และงานก่อสร้างที่กำลังขยายตัวทั้งอินเดียและเอเชียใต้ ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสที่ TMI จะเข้าไปเจาะตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มสินค้าที่มีลูกค้าให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ กลุ่มบัลลาสต์, รีโมทสวิตซ์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การไปเปิดตลาดในประเทศอินเดียและปากีสถานถือเป็น 2 ประเทศใหญ่ที่น่าจะเพิ่มยอดขายได้มาก ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าในแถบตะวันออกกลาง บังกะลาเทศ รวมถึงโซนเอเซียอย่างพม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา
ทั้งนี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากมีการเปิดเสรีการค้าหรือ FTA (Free Trade Agreement) ที่ทำไว้กับประเทศอินเดีย และประเทศอื่นๆ เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ ในเรื่องของอัตราภาษี 0% จึงคาดว่าจะมีลูกค้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ากัมพูชาซึ่งคาดว่าจะได้ออร์เดอร์เพิ่มขึ้น เพราะช่วงนี้ที่กัมพูชามีการก่อสร้างอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นโอกาสที่จะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากประเทศนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องยาก
“ในตลาดกัมพูชาเราจำนวนยอดขายค่อนข้างเยอะ รวมถึงตลาดในเวียดนามที่มีออร์เดอร์ค่อนข้างมากเช่นกัน เพราะเป็นประเทศที่กำลังเติบโตในเรื่องของงานการก่อสร้าง ซึ่งที่ผ่านมามีการสั่งออร์เดอร์ล็อตใหญ่เข้ามา 2-3 ล็อตแล้ว และคาดว่ากัมพูชาน่าจะมีการสั่งออร์เดอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากขึ้นเช่นกัน" นายธีระศักดิ์ กล่าว
สำหรับยอดส่งออกของบริษัทในปีนี้น่าจะมีเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่ออร์เดอร์เข้ามาค่อนข้างมาก แต่สัดส่วนระหว่างในประเทศกับต่างประเทศก็ยังคงรักษาระดับไว้ที่ 90: 10 ซึ่งในส่วนของการเปิดตลาดต่างประเทศในปีนี้ถือว่าค่อนข้างพอใจกับผลงานเพราะได้มีโอกาสรับออร์เดอร์ใหม่จากประเทศอียิปต์ ส่วนประเทศอื่นที่เคยสั่งซื้อสินค้าอยู่แล้วก็มีการสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น
ด้านยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มั่นใจว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะทุกปียอดขายช่วงปลายปีจะดีกว่า เนื่องจากมีการปิดงบของรัฐบาล รวมถึงเอกชนส่วนใหญ่จะมีการจัดงานต่างๆ และงานอีเว้นท์ ทำให้ในช่วงปลายปีจะมียอดขายที่เพิ่มขึ้นกว่าครึ่งปีแรก