SENA เพิ่มงบเป็น 1พันลบ.หลังซื้อที่ดินแปลงใหญ่/เปิด 7 โครงการใหม่ปี 54

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 28, 2010 09:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์(SENA)เปิดเผยว่า บริษัทปรับเพิ่มงบลงทุนซื้อที่ดินในปีนี้เป็น 1 พันล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 700 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเข้าซื้อที่ดินในทำเลที่มีศักยภาพสูง และถือเป็นแปลงขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยซื้อมา เพื่อเตรียมไว้พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ซึ่งเป็น 1 ใน 7 โครงการใหม่ที่บริษัทมีแผนจะเปิดตัวในปี 54 ใกล้เคียงกับปี 53 ที่เปิด 7 โครงการแต่มูลค่าโครงการจะใหญ่ขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 53 คาดว่ายอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/53 จะลดลงจากไตรมาส 2/53 เล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบจากมาตราการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่สิ้นสุดไปในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้การโอนส่วนใหญ่กระจุกตัวในช่วงไตรมาส 2/53 และก็ไม่สามารถปรับขึ้นราคาขายได้ด้วย และปกติช่วงไตรมาส 3 ก็เป็นช่วงโลว์ของธุรกิจอยู่แล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ายอดรับรู้จะกลับมาดีในช่วงไตรมาส 4 /53 อีกครั้ง และยังทำให้เป้าหมายยอดรับรู้รายได้และกำไรสุทธิเป็นไปตามที่วางไว้ 20%

"รายได้ในปีนี้ไม่น่าจะมีปัญหาตามที่เราวางไว้ แต่ในแง่ของกำไรสุทธิ นี่อาจจะลดลงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มากจนน่า กลัวอะไรเพราะผลกระทบในไตรมาส 3/53 ที่ยอดการโอนลดลง แต่ดีที่ในช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมาเราสะสมมาค่อนข้างมาก และเราก็เชื่อว่าในไตรมาส 4 ก็จะกลับมาดีขึ้นเหมือนเดิม"นางเกษรา กล่าว

นางเกษรา กล่าวว่า สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการเปิดโครงการที่เหลือ 2-3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการคอนโดมีเนียม สุขุมวิท 113 เป็นโครงการบ้าน BOI, โครงการเรสซิเดนเชียลให้เช่า 1 โครงการย่านเจริญนคร จะเริ่มเปิดให้ร้านค้าจองพื้นที่ในส่วนของโซนร้านค้าประมาณ 7 พันตารางเมตรปลายปีนี้ และ โครงการแนวราบเฟส 2 ย่านคลอง 4

ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเปิดขายโครงการใหม่ 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเสนาแกรนด์โฮม โครงการเสนากรีนวิลล์-รังสิตคลอง 4(เฟส 1) และโครงการคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการ คือ โครงการเดอะคิทท์ แจ้งวัฒนะ

สำหรับโครงการเรสซิเดนเชียลย่านเจริญนครนั้นการออกแบบเสร็จแล้ว แต่คาดกว่าจะรับรู้รายได้คงปี 54-55 ซึ่งก็จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทในส่วนที่มาจากค่าเช่ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 5% ในปี 55 จากปัจจุบัน 1-2% เท่านั้น และก็จะทยอยเพิ่มขึ้นจากการที่บริษัทมีแผนเข้าซื้อโครงการในพัทยาด้วย คาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 1/54 ซึ่งจะเป็นการซื้อรีสอร์ทมาพัฒนาเป็นโรงแรม ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาและดำเนินการ

นางเกษรา กล่าวว่า การลงทุนในพัทยาถือเป็นการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดโครงการแรกของบริษัท และจะต้องมีการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการลงทุน รวมทั้งการขออนุมัติเม็ดเงินลงทุน โดยคาดว่าจะเป็นการกู้เงินและการเพิ่มทุน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมี D/E สัดส่วน 0.38 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำ

การลงทุนดังกล่าวเนื่องจากมองว่าพัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กรุงเทพ ซึ่งความต้องการยังมีอยู่สูงทั้งนักท่องเที่ยวไทยและเทศ ขณะเดียวกันยังเป็นการรองรับกลุ่มใหม่ที่ชอบตีกอล์ฟและจัดสัมมนา ซึ่งจะทำให้บริษัทมีลูกค้าที่หลากหลายขึ้น นอกเหนือการเพิ่มรายได้ที่มาจากค่าเช่า

จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริงและมีกำลังซื้อค่อนข้างดีโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมมีความต้องการสูงมาก คาดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวมในปีนี้จะเติบโตประมาณ 5-10% จากปีก่อน อีกทั้งคาดว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้ผู้ประกอบการจะออกสินค้าใหม่และแคมเปญต่าง ๆ มากขึ้น ก็จะยิ่งกระตุ้นผู้บริโภค ขณะเดียวกันจากสภาพคล่องของสถาบันการเงินที่มีอยู่สูงมากในระบบ ส่งผลให้มีการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้บริโภคมากขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ