นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์(SENA)เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปี 53 จะลดลง 2-3% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิประมาณ 20% เนื่องจากในปีนี้มีการเพิ่มงบโฆษณาและออกเคปเปญมากขึ้น เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี
ในขณะที่ยอดรับรู้รายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 1.5 พันล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 4/53 จะมีรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท มากกว่ารายได้ในไตรมาส 3/53 โดยในไตรมาสนี้ยอดขายคงจะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ของธุรกิจ ขณะที่การโอนโครงการส่วนใหญ่อยู่ในไตรมาส 2/53 เพื่อรับสิทธิทางภาษีจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์
"ในไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของบริษัท แม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่า แต่ถ้าหากสภาพเศรษฐกิจยังดีอยู่ก็ไม่น่ากลัวยังขายได้อยู่ดีเพราะความต้องการในการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีอยู่มาก แต่สิ่งที่สำคัญคือปัญหาทางการเมืองที่อาจมีผลกระทบบ้างต่ออารมณ์และการตัดสินใจของผู้ซื้อได้เหมือนกัน" นางเกษรา กล่าว
ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะมีการออกแคมเปญมากขึ้นเพื่อกระตุ้นผู้บริโภค ล่าสุด บริษัทเปิดแคมเปญ"ผ่อนหมดไว เสนาจ่ายให้ 100 งวด"ด้วยการนำ 3 โครงการ ได้แก่ เสนา แกรนด์โฮม รังสิต, วิลล่า รามอินทรา ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ โซน และ โครงการเสนา กรีนวิลล์ บางนา-เทพารักษ์ จำนวน 27 ยูนิต มูลค่า 80 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้หมด
รวมทั้งการนำโครงการเข้าร่วมมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 ก.ย-3 ต.ค จำนวน 6 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะมียอดขาย 50 ล้านบาท
นางเกษรา กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ 20% จากปีนี้ โดยจะเป็นการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมเป็นส่วนใหญ่ จากที่ได้พัฒนาในปี 53 และก็จะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ที่มาจากคอนโดมิเนียมเพิ่มเป็น 60% จากปีนี้ 50% รวมทั้งจะทยอยเห็นจากค่าเช่าที่มากขึ้นด้วยจากโครงการพื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์ที่เจริญนครที่จะเปิดในช่วงเดือน ธ.ค
ขณะที่สัดส่วนรายได้จากโครงการในแนวราบจะเหลือ 40% จากปีนี้ที่มาจากแนวราบ 50% ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนดังกล่าวจะส่งผลให้กระแสเงินสดให้กับบริษัทมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการหลีกเลี่ยงการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจด้วย
นางเกษรา กล่าวต่อว่า ส่วนการลงทุนที่พัทยาอยู่ระหว่างการหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินในการหาเม็ดเงินลงทุน เบื้องต้นอาจจะใช้แนวทางทั้งการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ และการเพิ่มทุน คาดว่าจะใช้เม็เงินลงทุนประมาณ 500-600 ล้านบาท โครงการดังกล่าวจะเข้ามาเพิ่มในสัดส่วนรายได้ที่มาจากค่าเช่า นอกเหนือโครงการที่เจริญนคร คาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 1/54
ส่วนวงเงินเพิ่มทุนคงจะต้องมีการประเมินภาวะตลาดในช่วงนั้นก่อน
อย่างไรก็ตาม ในปี 54 บริษัทได้เตรียมงบในการซื้อที่ดิน 700-800 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าปี 53 ที่ได้มีการใช้วงเงินเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาทจากเดิม 700 ล้านบาท