โบรกฯเชียร์"ซื้อ"SCB คาดกำไร Q3/53 ทำนิวไฮจากกำไรพิเศษ-สินเชื่อดีขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 28, 2010 14:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ ต่างเห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)คาดประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 3/53 ทำสถิติสูงสุดราว 6.5-6.9 พันล้านบาท เป็นผลจากสินเชื่อขยายตัวได้ดี และมีรายได้จากค่าธรรมเนียมมากขึ้น รวมทั้งมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นบริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ ประมาณ 1 พันล้านบาท(ก่อนหักภาษี)

ทั้งนี้ โบรกเกอร์หลายรายได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 53 เพิ่มขึ้นและปรับราคาเหมาะสมขึ้นตามไปด้วย

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ        ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.ทรินิตี้            ซื้อ                140.00
          บล.ยูไนเต็ด          ซื้อ                125.50
          บล.ฟาร์อีสท์          ซื้อ                121.00
          บล.ทิสโก้            ซื้อ                120.00
          บล.เอเซียพลัส        ซื้อ                120.00
          บล.กรุงศรีอยุธยา      ซื้อ                113.00(รอปรับราคา)

นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา คาดว่า ผลประกอบการ SCB ไตรมาส 3/53 ดีขึ้นเนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังการขยายตัวสินเชื่อกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น โดยในเดือนส.ค.สินเชื่อเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างสูง โตเป็นอันดับ 2 รองจากธนาคารกรุงไทย (KTB)

ประกอบกับ ธนาคารจะได้กำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ ซึ่งมีกำไรก่อนหักภาษีประมาณ 1 พันล้านบาท รวมถึงรายได้จากค่าธรรมเนียมก็ยังสูงขึ้นตามปริมาณการใช้จ่ายที่ดีขึ้น และยังได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์อีกราว 300 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการ SCB ในไตรมาส 3/53 กำไรขยายตัวค่อนข้างสูง โดยประเมินไว้ที่ 6.5 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นผลประกอบการรายไตรมาสที่สูงสุดในปีนี้

และทั้งปี 53 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 2.24 หมื่นล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อน

"ทั้งปีกำไรดีขึ้นมากอาจปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้นมา อาจจะโต 10% และอาจจมีการปรับ fair value เดิม 113 บาท เพราะมีกำไรก้อนพิเศษจากการขายเงินลงทุน (กรุงเทพ ซินธิติกส์ )ซึ่งเป็นเงินค่อนข้างเยอะ และไม่เคยทราบมาก่อน" นายธนัท กล่าว

ส่วนดีลขาย บง.สินอุตสาหกรรม (SICCO) หากสามารถบันทึกได้ทันภายในไตรมาส 4/53 ก็อาจมีผลขาดทุนบ้าง โดย SCB มีต้นทุนประมาณ 5 บาท/หุ้น แต่ขายไปที่ราคา 4 บาท/หุ้น

ส่วนนักวิเตราะห์จาก บล.เอเซียพลัส คาดว่า SCB จะประกาศกำไรสุทธิในไตรมาส 3/53 จำนวน 6,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.2% จากไตรมาส 2/53 โดยเป็นระดับกำไรรายไตรมาสที่สูงสุดในรอบ 7 ปี ปัจจัยหลักมาจากได้กำไรจากการขายหุ้นบริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ ประมาณ 770 ล้านบาทหลังหักภาษี และรายได้จากการดำเนินงานก็เติบโต 13.5%

นอกจากนี้ ในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างดอกเบี้ย(NIM)ของธนาคารสูงขึ้นตามไปด้วย โดยที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยในประเทศปรับขึ้นมา 0.75% รวมทั้ง คาดว่าการขยายตัวสินเชื่อทั้งปีทำได้ตามเป้าหมาย 7.1% จาก 9 เดือนแรกทำได้ 4% ซึ่งในครึ่งปีหลังอัตราการเติบโตของสินเชื่อคาดว่าจะสูงขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการลงทุนในมาบตาพุดที่เดินหน้าได้แล้ว

ทั้งปี 53 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 2.29 หมื่นล้านบาท เติบโต 10.3% จากปีก่อน และ ปี 54 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 2.55 หมื่นล้านบาท

"เราได้ปรับราคาจากปี 53 ที่ 109 บาท มาเป็น 120 บาทในปี 54 แนะนำ"ซื้อ"เพราะราคายังห่างจากเป้าหมาย" นักวิเคราะห์ กล่าว

ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.ทิสโก้ คาดว่า ผลกำไรสุทธิของ SCB ในไตรมาส 3/53 จะทำสถิติสูงสุด 6.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% QoQ และ 32% YoY จากอัตราการขยายตัวสินเชื่อที่แข็งแกร่ง, อัตราการทำกำไรจากดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)ที่ขยายตัวดี, ต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และกำไรจากการลงทุน

สินเชื่อในไตรมาส 3/53 คาดว่าจะขยายตัว 0.8% QoQ และ 8.7% YoY ซึ่งได้รับผลกระทบบางส่วนจากการจ่ายชำระคืนสินเชื่อในเดือนก.ค. ซึ่งคาดว่า NIM ของธนาคารจะขยายตัวขึ้น 0.16% จากการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกองทุนวายุภักษ์

รวมทั้ง รายได้ค่าธรรมเนียมน่าจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการดำเนินงานซื้อขายพันธบัตรและอัตราแลกเปลี่ยน (treasury) ที่กลับมาเป็นปกติ และ บันทึกกำไรจากการลงทุนก่อนภาษี 1 พันล้านบาทจากการขายหุ้นสามัญของบริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ ทำให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 26.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ