BANPU ตั้งเป้าปริมาณขาย 26 ล้านตันในปี 54 ไม่รวม CEY, ยันไม่คิดแตกพาร์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 28, 2010 16:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู(BANPU)เปิดเผยว่า ในปี 54 บริษัทตั้งเป้าปริมาณผลิตและขายถ่านหิน 26 ล้านตัน เฉพาะในอินโดนีเซีย จากปีนี้ที่ 23 ล้านตัน โดยเพิ่มจากเหมืองบางริงโตที่ปีหน้าจะผลิตเต็มปีเพิ่มอีก 2 ล้านตันต่อปี หลังจากเริ่มผลิตปลายปี 53 ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวยังไม่รวมปริมาณถ่านหินจากเหมืองในออสเตรเลียที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการซื้อกิจการ

สำหรับเป้าหมายดังกล่าว บริษัทวางแผนจะทำสํญญาขายล่วงหน้าสัดส่วน 50-60% ก่อนสิ้นปี 53 และที่เหลือจะขายในปีหน้า ซึ่งจะเป็นราคาที่กำหนดราคาขายในปีนี้

"ก่อนปีใหม่นี้ จะต้องกำหนดราคาขายของปีหน้า 50-60% ซี่งปัจจุบันเริ่มขายของปี 54 แล้วประมาณ 10% เป็นลูกค้าญี่ปุ่น..ณ ขณะนี้เป้ารายได้ปี 54 ดูดีพอควร จากเหมืองอินโดฯมีเป้าหมายผลิต 26 ล้านตัน ถ้ารวมกับราคาถ่านหินที่เป็นอยู่ก็น่าจะดี"นายชนินท์ กล่าว

นายชนินท์ กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ที่ 5.8 หมื่นล้านบาท แม้ราคาถ่านหินจะปรับสูงขึ้นจากปีก่อน แต่บริษัทได้รับผลกระทบเงินบาทแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อแปลงรายได้จากเงินดอลลาร์เป็นเงินบาท และอาจจะมีผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนบ้าง แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องทางบัญชี ซึ่งในแง่ของการดำเนินธุรกิจไม่ถือว่าไม่กระทบมากนัก

ทั้งนี้ รายได้ในครึ่งหลังปี 53 น่าจะใกล้เคียงกับครึ่งหลังของปี 52 แต่คาดว่าราคาเฉลี่ยขายถ่านหินในปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อน แม้ว่าไตรมาส 4/52 อยู่ในช่วงขาลง แต่ภาพรวมในปีนี้ถือว่าอยู่ในภาวะทรงตัวและปรับขึ้นเล็กน้อย

*ล่าสุดได้หุ้น Centennial Coal แล้วกว่า 60%

นายชนินท์ กล่าวถึงความคืบหน้าการเข้าซื้อหุ้น Centennial Coal Co., Ltd. (CEY) ล่าสุดบริษัทย่อยได้รับการตอบรับที่จะขายหุ้นเพิ่มขึ้น รวมแล้วจะทำให้ถือหุ้นสูงขึ้นเป็น 63% (รวมที่บริษัท ถืออยู่ 19.9%) โดยบริษัทจะปิดทำคำเสนอซื้อในวันที่ 5 ต.ค.53 ตามกำหนด ภายใต้เงื่อนไขถือหุ้นอย่างน้อย 50% ขึ้นไป

หลังจากปิดดีลแล้วจะมีการชำระเงินภายในไตรมาส 4/53 และคาดว่าจะรับรู้รายได้ใน CEY ได้ทันที โดยคาดว่าจะคืนทุน 7-10 ปีโดยเหมือง CEY มียอดขายประมาณ 14 ล้านตันต่อปี "จะครบดีล วันที่ 5 ตุลาคม โดยมีเงื่อนไขต้องถือเกิน 50% ตอนนี้เงื่อนไขก็ได้หมดแล้ว จะมีการจ่ายเงินในไตรมาส 4 ปีนี้ทั้งหมด โดยได้เซ็นสัญญาเงินกู้ทั้งในและต่างประทเศ 2 พันล้านเหรียญ" นายชนินท์ กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ณ สิ้นไตรมาส 2/53 ที่ระดับ 0.3 เท่า หลังจากกู้เงินเพื่อซื้อหุ้นเหมืองออสเตรเลียก็จะทำให้ D/E เพิ่มเป็น 1.1 เท่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีแผนออกหุ้นกู้ ยกเว้นจะพิจารณาต่อเมื่อมีการจัดโครงสร้างทางการเงินใหม่ ปรับเงินกู้ระยะยาวมากขึ้น

นอกจากนี้ หลังจากการซื้อเหมือง CEY แล้ว บริษัทอาจจะต้องทบทวนแผน 5 ปีว่าหลังจากนี้จะปรับเปลี่ยนเงินลงทุนและสัดส่วนการลงทุนแต่ละประเทศ

"การได้เหมือง Centenial ของบ้านปู ถือเป็นกลยุทธ์ระยะยาวในการขยายธุรกิจของบ้านปูในออสเตรเลีย เป็น Asset ที่เป็นคุณภาพ เหมาะกับบ้านปูที่จะเติบโตในธุรกิจถ่านหิน หลังจากรายการนี้เสร็จ ต้องกลับไปทบทวนแผน 5 ปี"นายชนินท์ กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU กล่าวยืนยันอีกว่า บริษัทไม่เคยมีแนวคิดจะแตกพาร์หุ้น BANPU ตามที่มีกระแสข่าว เพราะสภาพคล่องของหุ้น BANPU ในตลาดขณะนี้ถือเป็นระดับที่เหมาะสมแล้ว

"ไม่เคยอยู่ในความคิด บอร์ดไม่เคยพูดเรื่องนี้มานานมากแล้ว ตอนนี้ผมก็เป็นห่วงนักลงทุนเรื่องนี้มาก เพราะถ้าจะ split par จะพูดถึงเรื่องสภาพคล่อง เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง แต่ที่ผ่านมาบ้านปูสภาพคล่องยังดีอยู่มาก เราจึงไม่มีการพูดเรื่องนี้กัน" นายชนินท์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ