โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"PTTAR เก็งงบ Q3/53 พลิกเป็นกำไร,ราคาหุ้นยัง laggard

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 29, 2010 14:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR)มองผลงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ โดยงวดไตรมาส 3/53 อาจได้เห็นการพลิกกลับมาเป็นกำไรราว 1,100-1,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากค่าการกลั่นปรับตัวดีขึ้น ไม่น่าที่จะมี stock loss อีกเหมือนไตรมาส 2/53 ที่ทำให้ผลดำเนินงานต้องขาดทุนถึง 516 ล้านบาท

นอกจากนี้ ขณะนี้สเปรดอะโรเมติกส์เริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ภาพโดยรวมของไตรมาส 3/53 สเปรดอะโรเมติกส์คงจะทรงตัวจากไตรมาส 2/53 อย่างไรก็ดี เบื้องต้น PTTAR อาจมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากเงินบาทแข็งค่า

อีกทั้ง ราคาหุ้นยังคง laggard หุ้นในกลุ่มพลังงานอยู่มาก โดยปรับขึ้นเพียง 5% ในขณะที่กลุ่มพลังงานปรับขึ้น 14% ในปีนี้

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ PTTAR ในปี 53 ในช่วง 5,280-7,890 ล้านบาท จากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 9,162 ล้านบาท และปีหน้าคาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ในช่วง 7,490-10,196 ล้านบาท

ทั้งนี้ หุ้น PTTAR ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท(+3.81%)มูลค่าซื้อขาย 1,556.77 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 26.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 27.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 26.25 บาท

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.เอเชียพลัส         ซื้อ            34.00
          บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ            31.50
          บล.ยูไนเต็ด           ซื้อ            31.00
          บล.เกียรตินาคิน        ซื้อ            30.00
          บล.ทิสโก้             ซื้อ            30.00
          บล.พัฒนสิน            ซื้อ            29.75
          บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)  ซื้อ            27.50

น.ส.นลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส แนะนำ"ซื้อ"หุ้น PTTAR ให้ราคาเป้าหมายสำหรับปี 54 ไว้ที่ 34 บาท/หุ้น มองว่าผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ โดยงวดไตรมาส 3/53 อาจจะได้เห็นการพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ จากค่าการกลั่นที่ดีขึ้น และสเปรดอะโรเมติกที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาด้วย อีกทั้งในไตรมาส 3/53 ไม่น่าที่จะมี stock loss อีกแล้ว

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ PTTAR ในปีนี้ 53 ไว้ที่ 5,581 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.86 บาท และคาดว่าปีหน้าจะมีกำไรสุทธิ 7,490 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.53 บาท

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน ให้เหตุผลแนะ"ซื้อ"หุ้น PTTAR คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/53 จะพลิกฟื้นขึ้นเป็นผลกำไร โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 1,100-1,200 ล้านบาท เบื้องต้นคงจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศประมาณ 800 ล้านบาท รับผลดีจากเงินบาทแข็งค่า

การพลิกฟื้นของผลดำเนินงาน PTTAR ในไตรมาส 3/53 เป็นผลจากมองว่าจะไม่มี stock loss อีกเหมือนอย่างไตรมาส 2/53 ที่มี stock loss มากจนทำให้ต้องขาดทุนถึง 516 ล้านบาท อีกทั้งในไตรมาส 3/53 ยังรับผลดีจากค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวขึ้น และสเปรดอะโรเมติกส์โดยรวมก็คงจะทรงตัวจากไตรมาส 2/53 แม้ว่าจะเห็นการฟื้นตัวของเสปรดอะโรติกส์ในช่วงส.ค.-ก.ย.อย่างชัดเจนก็ตาม

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ไว้ที่ 5,280 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 9,162 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลจากปีที่แล้ว PTTAR มี stock gain จำนวนมาก ขณะที่ไตรมาส 2/53 มีการบันทึก stock loss มาก ส่วนกำไรสุทธิในปี 54 คาดไว้ที่ 8,219 ล้านบาท

ขณะที่ น.ส.มุกดา ห่มม่วง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูไนเต็ด แนะนำ"ซื้อ"หุ้น PTTAR คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปีนี้(H2/53)มีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/53 จากไตรมาส 2/53 ที่มีผลขาดทุน เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้ inventory loss ในไตรมาส 2/53 มีโอกาสที่จะ reverse กลับได้ และจะเห็นได้ว่าไตรมาส 3/53 ค่าการกลั่นได้ปรับตัวดีขึ้น ส่วนของสเปรดอะโรเมติกส์อ่อนลงจากไตรมาส 2/53 เล็กน้อย

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ 53 ไว้ที่ 7,890 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 9,161 ล้านบาท เนื่องจากผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก(H1/53)ทำได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ ส่วนปี 54 คาดว่ากำไรสุทธิน่าจะมี 10,196 ล้านบาท

ด้าน บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น PTTAR โดยเห็นว่าราคาหุ้นยังไม่สะท้อนราคาพาราไซลีนที่ปรับตัวสูงขึ้นมาจนทำให้ spread margin ของพาราไซลีนพุ่งกลับมาอยู่ที่ 388 เหรียญ/ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน นอกจากนั้นราคาหุ้นยัง laggard ในกลุ่มพลังงานอยู่มาก โดยปรับขึ้นเพียง 5% ในขณะที่กลุ่มปรับขึ้น 14% ในปีนี้ เป็นผลมาจากการที่ผลประกอบการไตรมาส 2/53 ออกมาขาดทุน แต่เชื่อว่าผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสนั้นไปแล้ว

ทั้งนี้ ประเมินในเบื้องต้นว่าผลการดำเนินงานปกติไตรมาส 3/53 จะฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีผลขาดทุน 516 ล้านบาท หรือ 0.17 บาท/หุ้น จากปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ที่กลับมาเป็นปกติหลัง AR2 กลับมาเดินเครื่องปกติหลังหยุดซ่อมบำรุงไป 30 วันในไตรมาส 2/53, ค่าการกลั่นสิงคโปร์ที่ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นเฉลี่ย 4.20 เหรียญ/บาร์เรลดีขึ้นจาก 4.1 เหรียญ/บาร์เรลในไตรมาสก่อน, การกลับรายการผลขาดทุนจาก LCM จำนวน 1,034 ล้านบาท และผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันที่คาดว่าจะมีไม่มากหลังจากราคาน้ำมันดิบปัจจุบันอยู่ที่ 76 เหรียญ/บาร์เรลใกล้เคียงกับราคาปิดในไตรมาสก่อน

อีกทั้งคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 1 พันล้านบาท จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากมาช่วยหนุนผลกำไรไตรมาสนี้ เบื้องต้นประเมินผลกำไรไตรมาสนี้จะมีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 1.2 พันล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ