ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกปัญหาการเงินยุโรป ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 22.86 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 30, 2010 06:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เนื่องจากเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดในยุโรป รวมถึงเบลเยียมและสเปน ได้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในระบบการเงินของภูมิภาคแห่งนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศจีดีพีไตรมาส 2 และดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 22.86 จุด หรือ 0.21% แตะที่ 10,835.28 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 2.97 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 1,144.73 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 3.03 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 2,376.56 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและ Nasdaq มีอยู่เพียง 7.4 พันล้านหุ้น ซึ่งต่ำกว่าปริมาณเฉลี่ยต่อวันของปีที่แล้วที่ระดับ 9.65 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนประมาณ 17 ต่อ 13 ในตลาดนิวยอร์ก

นักลงทุนตื่นตระหนกต่อข่าวการชุมนุมประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของหลายประเทศในยุโรป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้จุดปะทุให้เกิดความวิตกเรื่องปัญหาในระบบการเงินของยุโรป โดยมีรายงานว่าแรงงานร่วม 100,000 คนจาก 30 ประเทศในยุโรปได้ออกมาชุมนุมร่วมกันที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมเมื่อวานนี้ เพื่อต่อต้านแผนลดงบประมาณและมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลประเทศต่างๆ อันเป็นผลมาจากวิกฤตการเงิน

นอกจากที่กรุงบรัสเซลส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรปแล้ว สหภาพแรงงานยังได้วางแผนที่จะจัดการประท้วงในอีกหลายประเทศของยุโรป ซึ่งรวมถึงสเปน กรีซ อิตาลี ลัตเวีย โปแลนด์ โปรตุเกส และเซอร์เบีย

จอห์น มังค์ส เลขาธิการทั่วไปของสมาพันธ์แรงงานยุโรป (ETUC) กล่าวว่า "การลดพนักงานในช่วงเศรษฐกิจถดถอยเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ทำให้เราต้องออกมาต่อสู้ ที่ผ่านมาทางการยุโรปต้องใช้พันธบัตรยูโรช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ซบเซา มาตรการดังกล่าวทำให้เราต้องร่วมแบกรับหนี้สินเหล่านี้"

เหตุการณ์ประท้วงดังกล่าวได้ฉุดตลาดหุ้นทั่วยุโรปดิ่งลงถ้วนหน้า และทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าการประท้วงอาจลุกลามจนกลายเป็นเหตุการณ์รุนแรงเหมือนกับที่เกิดขึ้นในกรีซ จึงตัดสินใจเทขายหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นเกือบทุกกลุ่ม ยกเว้นหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ทะยานขึ้น 1.68 ดอลลาร์ แตะระดับ 77.86 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 24 ก.ย.ลดลง 475,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 357.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 300,000 บาร์เรล

การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน NYMEX ช่วยหนุนหุ้นชลัมเบอร์เกอร์ปิดพุ่ง 1.23% ขณะที่หุ้นออคซิเดนทัล ปิโตรเลีย และหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มพลังงาน ทะยานขึ้นด้วยเช่นกัน

นักลงทุนยังคงคาดว่าเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้มาตรการ QE ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน ซึ่งการดำเนินมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปอีก และจะยิ่งทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำและน้ำมันดิบทะยานขึ้นด้วย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 2 สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์คซิตี้เดือนก.ย. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.ย.

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค. รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายเดือนก.ย. และสถาบัน ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ